เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 21 กันยายน 2568 พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.บ้านเป็ด พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ้านเป็ดและตำรวจท่องเที่ยว ร่วมทำการสอบปากคำ MR .Sijtse สัญชาติฮอลแลนด์ ปัจจุบัน พักอยู่บ้านพัก ถ.ประชาสำราญ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมของกลาง ตู้กดเงินด่วน(ตู้ ATM) ของธนาคารไทยพาณิชย์ และรถยนต์กะบะ ยี่ห้อ มาสด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน ขษ-654 ขอนแก่น ,รอก พร้อมโซ่ จำนวน 1 ตัว หลังก่อเหตุขโมยตู้เอทีเอ็ม ที่ตั้งอยู่หน้าร้านศรีสวัสดิ์ สาขาชุมชนบ้านทุ่ม ม.2 ริมถนนมะลิวัลย์ ต.บ้านทุ่ม อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา

พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า มีคนร้าย เป็นชายชาวต่างชาติ แต่งชุดสีดำ ผมสีทอง ขโมยตู้เอทีเอ็ม ที่ตั้งอยู่หน้าร้านไทยไชโย สาชาชุมชนบ้านทุ่ม ม.2 ริมถนนมะลิวัลย์ ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปราม ที่ออกตรวจความเรียบร้อยใกล้จุดเกิดเหตุจึงเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุทันที พบว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงจึงได้ประสานชุดสืบสวน และพนักงานสอบสวนเวร ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุทันที พร้อมทั้งตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้

“เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบรถยนต์ ยี่ห้อ มาสด้า สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่หน้าอาคารที่ทำการร้านไทยไชโย สาขาบ้านทุ่ม โดยที่ท้ายรถมีโซ่เส้นใหญ่ คล้องเกี่ยวกับตู้เอทีเอ็มของธนาคารไทยพาณิชย์เอาไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงกระจายกำลังกันออกค้นหาตัวคนร้าย พบคนร้ายเป็นชายชาวต่างชาติ สวมใส่ชุดสีดำ หลบอยู่ในพงหญ้าข้างทางใกล้กับจุดที่จอดรถทิ้งไว้ จึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้นและควบคุมตัวมาที่ สภ.บ้านเป็ด พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และ เจ้าหน้าที่ ศพฐ.4 ขอนแก่น ร่วมตรวจตู้เอทีเอ็มและเก็บลายนิ้วมือของคนร้าย ซึ่งจากการสอบสวนใน ส่วนที่เกิดเหตุนั้น มีรอยครูดลากของตู้เอทีเอ็มมายังท้ายรถยนต์กระบะแล้วลากไปตามถนนประมาณ 20 เมตร”

ผกก.สภ.บ้านเป็ด กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า นาย ไซสุ มาอยู่ที่ประเทศไทยได้ประมาณ 6 ปีแล้ว ให้เงินภรรยาชาว ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่นประมาณ 10 ล้านบาท เปิดร้านอาหารที่ ริม ถ.ประชาสำราญ ในเมืองขอนแก่น และพากันพักอาศัยอยู่ที่ร้านดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุ สามีภรรยามีปัญหากันเรื่องเงินที่ไม่พอใช้จ่าย จึงมีปากเสียงกัน ทะเลาะกัน สามีจึงขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวออกไป โดยบอกว่าจะไปเที่ยวหาเพื่อนที่ จ.หนองคาย ภรรยาจึงไม่สนใจ และมาทราบเรื่องอีกครั้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“จากการสอบสวนในเบื้องต้นนั้น ภรรยาไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนรถยนต์คันที่ใช้เป็นยานพาหนะก่อเหตุนั้น จากการสอบสวนทราบว่า เป็นรถของญาติที่ใช้ร่วมกันในครอบครัว และชายชาวต่างชาติก็เอามาใช้ก่อเหตุ ส่วนอุปกรณ์ต่างๆทั้งรอกและโซ่ที่นำมาใช้ในการลากตู้เอทีเอ็มออกจากที่ตั้งนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหานำมาจากที่ไหน หรือมีใครร่วมก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งหลังการสอบสวนเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น สำหรับคุ้มครอบบุคคลหรือทรัพย์ และ ใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมฯ ซึ่งในขณะนี้ทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน”




Leave a Response