“ปะจัน ” โดย “เขี้ยวจัน ”
ปีที่ 3 : ตามที่ใจสั่งมา……..
ที่นี่….ไม่ใช่คอลัมน์ร้องทุกข์ แต่เป็น การสังคมอุดมปัญญา ลุกขึ้นมา “ทวงสิทธิ” ของการเป็นพลเมืองผู้ตื่นรู้ เจ้าของคะแนนเสียงที่เลือก”ตัวแทน” ในทุกระดับ ของการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารบ้านเมือง ด้วยข้าราชการ “ตัวแทน” จากส่วนกลาง ทุกกระทรวง ทบวง กรม [ หน้ารวมบทความ ปะจัน]
กรอบความคิดของนักการเมือง อยากให้มีการแก้ไขกฎหมายสูงสุดของการปกครองประเทศ คือ “กฎหมายรัฐธรรมนูญ” ฉบับล่าสุดที่ประกาศใช้ในปัจจุบัน คือ ฉบับปี 2560 (เป็นฉบับที่ 20 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อปี 2475)
“การปฏิวัติ” ในแต่ละครั้ง เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ และมีการยกร่างฉบับใหม่ขึ้นมา โดยมักมีพัฒนา การ ยกระดับความเข้มข้น ตามยุคสมัย ของการบังคับใช้ พฤติกรรมของนักการเมืองในแต่ละรอบวงปีของการบริหารงาน มักถูกหยิบเข้ามาป้องกัน ใครๆจะบอกว่าเมืองไทยมักมีอาการ “ วัวหายล้อมคอก” เรื่องนี้ก็เช่นกัน
ในรอบ เกือบ 20 ปี ที่ผ่านมา เมื่อมีการปฏิวัติ ปี 2547 มีการยกร่าง อีก 10 ปี ต่อมา มีการปฏิวัติอีกใน ปี 2557 จึงมีการยกร่าง รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่นำบทเรียน จากกลโกงของนักการเมือง มาเป็นบริบทของการกำกับ ลงโทษ ป้องกัน นัยว่า เป็นการ เขียนเสือ ให้วัวทั้งฝูง ได้เกรงกลัว อย่าได้ทำบ้านเมืองเสียหาย ไม่งั้นเจอโทษหนัก ที่ผ่านๆมาก็โกงกินกันไปจนบ้านเมืองมาถึงทางตันกันหลายหน อย่าง คดีจำนำข้าว ซื้อเครื่องบิน และอื่นๆ ปรากฏเป็นข่าวให้เราได้เห็นกันไปเยอะแล้ว แต่การจะลุกขึ้นมาจัดการ ย่อมมีกระบวนการยุติธรรม เข้ามาจัดการ เพราะรู้กันดีว่า นักการเมืองมีบท “พลิ้ว” ปานใด…..
ชวนกันไปพลิก “กฎหมายรัฐธรรมนูญ” ปี 2560 พบกฎหมายเข้มๆ ที่เป็นเกราะป้องกันประเทศชาติ ในหลายจุด ช่วยให้พวกเรา ใจโล่งๆ เมื่อเกิดการคิดไม่ซื่อของนักการเมือง เช่น หากมีคดีการโกงกิน ทุจริต ไม่ซื่อสัตย์ จะไม่มีวันหมดอายุความ (อย่างกรณี ตากใบ เมื่อหมดอายุความ จำเลย รอดลอยนวล ทุกคน), หากโกงกิน กินบ้าน กินเมือง โทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต จำคุกตลอกชีวิต,เหตุร่ำรวย ผิดปกติ มากขึ้นแบบไร้เหตุผล เมื่อรายงานต่อ ปปช.แล้ว โทษ คือ ยึดทรัพย์ จำคุก,ห้ามโดยสารเครื่องบิน First Class (ให้ทำเหมือนนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ที่นั่งโลว์คอสแอรไลน์), เมื่อมีคดีความของนักการเมือง ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ แม้คดียังไม่สิ้นสุด (ป้องกันการบินหนี ไปเสวยสุข ยังต่างประเทศ)
นอกจากมีกฎเข้มๆแล้ว ยังมีด้านค่าใช้จ่าย ที่ต้องดำเนินงาน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง–กกต. ระบุ ประมาณการตัวเลข ออกมาว่า ต้องใช้เงิน ราว 14,000 ล้านบาท โอวววว….
บ้านเมืองมีปัญญา รุมเร้า เงินแห้งเหือดประเทศ เศรษฐกิจ ต้องการการฟื้นฟู ในหลายเรื่อง โครงสร้างสังคม ที่เป็น “ปมปัญหา” ต้องการการคลี่คลาย รุก เดินหน้า ฝ่าฟัน
ผู้บริหารประเทศ ที่ประชาชน มอบคะแนนเสียงให้ไปดูแลนโยบาย ย่อมต้องรู้ดีว่า พวกเขาต้องทำหน้าที่อันใด ให้กับบ้านเมือง โดยอาจต้องเรียงลำดับความสำคัญ ก่อน–หลัง และยังคงความเป็น “ไทย” บนแผ่นดินสุวรรณภูมิ บนแผนที่ตั้ง ที่เป็น “จุดทอง” ของภูมิรัฐศาสตร์โลก…..
เงิน 14,000 ล้านบาท กับ สรรพกำลัง มีค่าที่จะนำไปพัฒนาประเทศ การบังคับใช้กฎหมาย การเป็นคนดีของสังคม ย่อมเป็น “ธงชัย” แต่นักการเมืองต่างหาก ที่ต้องกลับไปอ่านและพิจารณาตัวเอง ว่า “ตัวเอง หรือ กฎหมาย” สิ่งใด ผิดกับบ้านเมือง กันแน่….




Leave a Response