⚠️ ปลาท้องพองบวม เสี่ยงสารฮีสตามีน
❄️ ปลาแช่แข็งนาน คุณค่าลดลง เสี่ยงสารกันเสีย
👃 ปลากลิ่นฉุน โตในน้ำเสียสะสมโลหะหนัก
🧪 ปลาน้ำดีแตก มีพิษร้ายแรงทำลายอวัยวะ
ปลาถือเป็นอาหารที่หลายครอบครัวคุ้นเคยในมื้อประจำวัน อุดมไปด้วยโปรตีน กรดไขมันโอเมก้า-3 วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจึงแนะนำให้รับประทานสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อเสริมสุขภาพ อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อปลาต้องระมัดระวัง เพราะไม่ใช่ปลาทุกชนิดจะปลอดภัย
พ่อค้าปลารายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อ Sohu ของจีน ระบุว่า “มีปลา 4 ประเภทที่แม้ให้ฟรีก็ไม่ควรเอามากิน” เพราะเสี่ยงก่ออันตรายต่อร่างกาย
ประเภทแรกคือ ปลาที่มีท้องพองผิดปกติ มักเป็นปลาที่ตายมานานจนเกิดการแพร่พันธุ์ของแบคทีเรียและการย่อยสลาย สร้างสารฮีสตามีนที่ทนความร้อนได้ แม้ปรุงสุกก็ยังทำให้เกิดพิษ ส่งผลให้ปวดหัว อาเจียน ผื่นคัน หรือท้องเสีย
ประเภทที่สองคือ ปลาที่ถูกแช่แข็งนานเกินไป ลักษณะคือเนื้อแข็งสีซีดคล้ายก้อนน้ำแข็ง เนื้อเละ และคุณค่าทางอาหารลดลง อีกทั้งยังเสี่ยงปนเปื้อนสารกันเสียที่ผู้ขายบางรายอาจใช้เพื่อถนอมเนื้อปลา ซึ่งก่อพิษอาหารได้
ประเภทที่สามคือ ปลาที่มีกลิ่นผิดปกติ หากมีกลิ่นฉุนแรงเกินไป อาจหมายถึงปลาโตในแหล่งน้ำเสียจากโรงงานที่มีโลหะหนักปนเปื้อน หากบริโภคเป็นเวลานานจะสะสมในร่างกายและก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง
ประเภทสุดท้ายคือ ปลาที่ถุงน้ำดีแตก ซึ่งน้ำดีของปลามีพิษร้ายแรงคล้ายสารหนู อุดมด้วยกรดน้ำดี กรดไซยานไฮดริก ฮีสตามีน และสารพิษหลายชนิด หากซึมเข้าสู่เนื้อปลาแล้วถูกกินเข้าไปจะทำลายตับ ไต และอวัยวะภายในได้
นักโภชนาการจึงย้ำว่าการเลือกซื้อปลาต้องพิจารณาความสด ความสะอาด และแหล่งที่มาอย่างรอบคอบ เพื่อให้การรับประทานปลาเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่กลายเป็นภัยเงียบที่คาดไม่ถึง
#เตือนภัยอาหาร
#ปลามีพิษ
#เลือกซื้อปลาอย่างปลอดภัย
#สุขภาพครอบครัว
#โภชนาการเพื่อสุขภาพ
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์




Leave a Response