💰 เกรด 201 ราคาประหยัด เหมาะงานทั่วไป
🛡️ เกรด 304 มาตรฐานโลก ปลอดภัย ไม่ขึ้นสนิมง่าย
🌊 เกรด 316 พรีเมียม ทนสารเคมีและน้ำทะเล
👩👩👧 ผู้ใช้ควรเลือกตามการใช้งานจริง
⚠️ ระวังสินค้าปลอม อาจเสี่ยงต่อสุขภาพ
ในยุคที่แก้วเก็บความเย็นและภาชนะสแตนเลสได้รับความนิยมสูง คำว่า “เกรดสแตนเลส” มักปรากฏบนฉลากสินค้า แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าแต่ละเกรดไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น เพราะคุณสมบัติแตกต่างกันชัดเจน ทั้งด้านความแข็งแรง ความปลอดภัยต่อสุขภาพ ความทนทานต่อการกัดกร่อน และราคา โดยเกรดที่พบมากที่สุดในตลาดคือ 201, 304 และ 316 ซึ่งแต่ละเกรดมีข้อดีและข้อจำกัดเฉพาะตัว
สแตนเลสเกรด 201 ถูกใช้ในสินค้าราคาประหยัด เนื่องจากต้นทุนต่ำจากการลดนิกเกิลและเพิ่มแมงกานีส แม้แข็งแรงพอสมควร แต่ทนการกัดกร่อนได้ไม่ดีนัก หากอยู่ในสภาพชื้นหรือใกล้น้ำ อาจเกิดสนิมง่าย เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เช่น แก้วน้ำใช้ในบ้าน งานตกแต่ง หรืออุปกรณ์ที่ไม่ต้องการอายุการใช้งานยาวนาน
สแตนเลสเกรด 304 เป็นเกรดมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก โดยเฉพาะในภาชนะเครื่องครัวและอุตสาหกรรมอาหาร มีส่วนผสมโครเมียมราว 18% และนิกเกิล 8–10% สร้างชั้นฟิล์มบางป้องกันการกัดกร่อน จึงไม่เป็นสนิมง่าย แม้ใช้งานระยะยาว อีกทั้งยังไม่ติดแม่เหล็ก ทำให้จัดการได้สะดวก เหมาะสำหรับแก้วเก็บความเย็น แก้วกาแฟพกพา หรือภาชนะสำหรับเด็กที่เน้นความปลอดภัย
สแตนเลสเกรด 316 ถือเป็นระดับพรีเมียม ทนต่อสารเคมีรุนแรง ความชื้นสูง และแม้แต่น้ำทะเลได้ดี เนื่องจากมีการเติมโมลิบดีนัม (Molybdenum) เพิ่มความต้านทานการกัดกร่อนสูงสุด มักใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ อาหารทะเล และงานที่สัมผัสสารเคมีโดยตรง แม้ราคาสูงที่สุด แต่คุ้มค่าในระยะยาวสำหรับผู้ที่ไม่อยากเปลี่ยนแก้วหรือภาชนะบ่อยๆ
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากใช้งานเบาๆ และต้องการราคาถูก ควรเลือก 201 แต่ถ้าต้องการความปลอดภัย ใช้ทุกวันโดยไม่กังวลเรื่องสนิม ควรเลือก 304 ส่วนผู้ที่ต้องใช้งานในสภาพแวดล้อมหนักหรือทนสารเคมี ควรเลือก 316 อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า และหลีกเลี่ยงสินค้าปลอมราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว
#สแตนเลส304 #แก้วเก็บความเย็น #สุขภาพปลอดภัย #ของแท้เท่านั้น #สแตนเลส316
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์




Leave a Response