🍍 เฉลยปริศนา! ทำไมกินสับปะรดแล้วลิ้นแตก พร้อมวิธีแก้ง่ายๆ

_9027c084-17d0-4980-9a90-0fcd25448dc2

🧪 สาเหตุจากเอนไซม์โบรมีเลนในสับปะรด
🔥 กรดอินทรีย์เพิ่มความระคายเคืองช่องปาก
🥛 วิธีแก้ด้วยนม เกลือ หรือความร้อน
🚫 เลี่ยงกินแกนกลางสับปะรด
✅ อาการหายเอง แต่ควรพบแพทย์หากรุนแรง

หลายคนอาจเคยประสบปัญหาเวลารับประทานสับปะรดแล้วเกิดอาการลิ้นแตก แสบปาก หรือเหมือนถูกไฟลวก โดยผู้เชี่ยวชาญเผยว่า อาการดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการแพ้ แต่มีสาเหตุจากเอนไซม์ธรรมชาติในสับปะรดที่มีชื่อว่า “โบรมีเลน” (Bromelain) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน เมื่อรับประทานเข้าไป เอนไซม์นี้จะเริ่มย่อยโปรตีนที่อยู่ในลิ้น ริมฝีปาก และเนื้อเยื่อในช่องปาก ทำให้เกิดความรู้สึกแสบ ชา หรือเหมือนถูกเข็มเล็กๆ แทง

นอกจากนั้น สับปะรดยังมีกรดอินทรีย์สูง เช่น กรดซิตริก ที่ทำให้ความระคายเคืองรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในส่วนแกนกลางของสับปะรด ซึ่งมีปริมาณโบรมีเลนเข้มข้นกว่าส่วนอื่น

สำหรับวิธีแก้อาการลิ้นแตกจากสับปะรด สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การแช่สับปะรดในน้ำเกลืออ่อนๆ เพื่อลดฤทธิ์ของเอนไซม์ หลีกเลี่ยงการกินแกนกลางของผลสับปะรด นำสับปะรดไปผ่านความร้อนด้วยการต้ม อบ หรือย่าง ซึ่งจะทำให้เอนไซม์โบรมีเลนหมดฤทธิ์ รวมถึงการรับประทานพร้อมผลิตภัณฑ์นม เช่น โยเกิร์ต หรือไอศกรีม เพื่อให้โปรตีนจากนมช่วยจับเอนไซม์ นอกจากนี้ยังสามารถบรรเทาอาการโดยการล้างปากด้วยน้ำเกลือหรือน้ำเย็นหลังรับประทาน หรือเลือกกินสับปะรดกระป๋องที่ผ่านความร้อนมาแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่า อาการแสบลิ้นจากสับปะรดโดยทั่วไปไม่เป็นอันตราย และจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมง เนื่องจากร่างกายสามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้เอง แต่หากอาการรุนแรงผิดปกติ หรือพบอาการแพ้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

#สับปะรด #โบรมีเลน #เคล็ดลับสุขภาพ #กินผลไม้ไม่แสบลิ้น #อาหารเพื่อสุขภาพ

ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์


Leave a Response

เรื่องล่าสุด