คุมตัวพ่อเผาลูกทำแผนขอขมา แม่เครียดถูกหามส่งรพ.

IMG_3882

• พ่อแม่ถูกจับกุมคดีเผาทารกแรกเกิดในเตาเผาถ่านกลางไร่อ้อย

• พ่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพพร้อมกล่าวขอขมาลูก

• แม่เครียดหนักจนต้องหามส่งโรงพยาบาล

• ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การ อ้างแม่หน้ามืดทับลูก

• พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ชี้ชัดเด็กถูกกระแทกเสียชีวิต

ตำรวจ สภ.บ้านฝาง คุมตัวพ่อเด็กทารก ทำแผนประกอบคำรับสารภาพเผาลูกในเตาเผาถ่านกลางไร่อ้อยชาวบ้าน ให้การภาคเสธไม่ได้ฆ่า อ้างแม่เด็กหน้ามืดทับลูกเสียชีวิต ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ สันนิษฐานให้นมบุตรก่อนจับฟาดใส่ของแข็งจนเสียชีวิต ขณะที่แม่เด็กเครียดจัดเป็นลมตำรวจต้องหามส่งโรงพยาบาลไม่สามารถไปทำแผนได้

จากกรณีเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นและชุดสืบสวน สภ.บ้านฝาง ร่วมกันสืบสวนจับกุม นายพงศธร อายุ 30 ปี ชาว ตำบลโนนอุดม อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และ น.ส.ปนัดดา อายุ 34 ปี ชาวตำบลหนองเรือ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น พ่อและแม่ของทารกแรกเกิด ที่มีชาวบ้านพบเป็นศพถูกเผาในเตาเผาถ่านกลางไร่อ้อยของชาวบ้าน หินฮาว หมู่ 4 ตำบลโนนฆ้อง อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งคู่ถูกจับคุมตัวได้ในพื้นที่ภูมิลำเนาของตัวเองเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่ห้องสืบสวน สภ.บ้านฝาง ตามขั้นตอน

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 สิงหาคม 2568 พ.ต.อ.กรภพ เนตรไธสง ผกก.สภ.บ้านฝาง พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน สภ.บ้านฝาง นำตัวนายพงศธร พ่อของทารกแรกเกิดที่ก่อเหตุเผาร่างลูกชายตัวเองในเตาเผาถ่าน มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ ส่วนนางสาวปนัดดา เกิดความเครียดหน้าซีดจะเป็นลม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำส่งโรงพยาบาลบ้านฝางทำให้ไม่สามารถมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพร่วมกันได้

ก่อนที่ทางตำรวจจะคุมตัวนายพงศธรไปชี้จุดที่แมนชั่นแล้วพากลับมาที่ สภ.บ้านฝาง เพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียดดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.กรภพ เนตรไธสง ผกก.สภ.บ้านฝาง กล่าวว่า ในทางคดีนั้น จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า เด็กคลอดออกมาในวันที่ 15 สิงหาคม ซึ่งแม่เด็กอยู่ตามลำพัง ส่วนพ่อเด็กไปทำงาน โดยฝ่ายหญิงให้การว่าหมดสติหลังจากได้ยินลูกร้องจะลุกขึ้นไปดู แต่ตื่นขึ้นมาตอนเช้าวันที่ 16 สิงหาคม พบว่าเด็กตัวเขียวเสียชีวิตแล้ว ทั้งคู่จึงเอาเด็กห่อผ้าห่อถุงดำแล้วใส่ตะกร้าสีชมพู ขับรถจยย.ขับมาโดยตั้งใจเผาทำลาย หลังเผาเสร็จทั้งคู่ได้หลบหนีออกจากที่พักในแมนชั่น โดยฝ่ายชายได้ไปส่งฝ่ายหญิงที่ภูมิลำเนาที่ อ.หนองเรือ ส่วนฝ่ายชายก็กลับภูมิลำเนาที่ อ.ชุมแพ โดยขณะนั้นฝ่ายหญิงก็มีอาการไม่ดีเนื่องจากเสียเลือดมาก และทั้งคู่ไม่มีเงิน จึงตกลงกันว่าแยกย้ายกันไปพักหาที่หลบก่อน และรู้ตัวว่าถูกตามจับได้พยายามหลบหนีการจับกุมของตำรวจ กระทั่งทางทีมสืบสวนของ ภ.จว.ขอนแก่น และ สืบสวน สภ.บ้านฝาง ได้ร่วมกันสืบสวนจนพบตัวฝ่ายหญิงใน อ.หนองเรือ และให้ฝ่ายหญิงพาไปหาฝ่ายชายกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ในพื้นที่ อ.ชุมแพ

โดยทั้งคู่ให้การภาคเสธ ซึ่งฝ่ายหญิงให้การว่าไม่ได้ทำร้ายลูกจนตาย แต่เกิดจากการที่ตัวเองเป็นลมหน้ามืด หมดสติแล้วทับลูกจนเสียชีวิต ซึ่งขัดต่อพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ยืนว่า เด็กมีการคลอดออกมาเป็นบุคคลแล้ว มีอวัยวะทุกส่วนของร่างกายทำงานครบถ้วนสมบูรณ์ โดยคลอดออกมาได้ประมาณ 2-5 วันและมีสายรกติดอยู่ มีการกินนมจากมารดาเพราะขี้เทาของเด็กนั้นหมดแล้วซึ่งตรวจในท้องและลำไส้ใหญ่มีอุจจาระสีเหลืองแล้ว ทำให้ยืนยันได้ว่ามีการกินการย่อยในร่างกายแล้ว พร้อมทั้งพบบาดแผลของเด็กบริเวณด้านหลังมีการกระทบกระแทกกับของแข็งไม่มีคม และเป็นลักษณะตีอย่างแรงที่บริเวณกระโหลกด้านหลัง น่าเชื่อได้ว่าเกิดจากการถูกจับกระแทกซึ่งอาจจะกระแทกที่พื้นหรือของแข็งบางอย่าง ไม่พบแผลกดทับหรือฟกช้ำบริเวณทรวงอก ทำให้ขัดกับคำให้การที่ฝ่ายหญิงบอกว่าคลอดลูกออกมาบนเตียงแล้วเป็นลมหมดสติทับลูก โดยทางตำรวจนั้นไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของแม่เด็กโดยจะมีการสอบปากคำเพิ่มเติมเพราะเชื่อว่าแม่จะทำร้ายลูกจนเสียชีวิต

ในเบื้องต้นนั้นทางตำรวจได้ตั้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย”


Leave a Response

เรื่องล่าสุด