🥚 ไข่เป็ดนิยมใช้เปลือกหนาไม่แตกง่าย
🔥 เคล็ดลับเวลาเดือดที่พอดี
❄️ แช่น้ำเย็นช่วยหยุดความร้อน
⌛ ต้ม 6-10 นาทีได้หลายระดับความเยิ้ม
📏 ขนาดไข่มีผลต่อผลลัพธ์

เมนูไข่ยางมะตูมกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในอาหารจานโปรดของหลายคน ไม่ว่าจะกินกับข้าวหมูแดง ข้าวขาหมู ไข่ลูกเขย หรือทานคู่ข้าวสวยร้อน ๆ กับน้ำพริกน้ำปลา ก็ให้รสชาติอร่อยกลมกล่อมเกินบรรยาย สำหรับใครที่เคยคิดว่าต้มไข่ให้ได้แบบยางมะตูมเป็นเรื่องยาก วันนี้มีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน มาฝากให้ลองทำตามกัน

เคล็ดลับการต้มไข่ให้เป็นยางมะตูมแบบมือโปร
เริ่มจากการเลือกไข่ โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้ ไข่เป็ด เนื่องจากเปลือกหนากว่าไข่ไก่ จึงไม่แตกง่ายระหว่างต้ม แต่หากมีแค่ไข่ไก่ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน สิ่งสำคัญคือต้องใช้ไข่ที่มี อุณหภูมิห้อง ไม่เย็นจัด เพราะไข่ที่เพิ่งออกจากตู้เย็นอาจแตกง่ายเมื่อนำไปต้มทันที

ขั้นตอนเตรียมไข่ก่อนต้ม
ล้างไข่ให้สะอาด หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเปลือกไข่ให้เรียบร้อย จากนั้นใส่น้ำสะอาดลงในภาชนะต้ม เช่น หม้อหรือหม้อหุงข้าว แล้วเติม เกลือเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ไข่ปอกง่ายขึ้นเมื่อต้มสุก

นำหม้อขึ้นตั้งไฟระดับปานกลาง เมื่อน้ำเริ่มเดือดแล้ว ให้ หรี่ไฟลงเล็กน้อย แล้วใส่ไข่ลงต้มทันที จากนั้นเริ่มจับเวลา โดยระดับความยางมะตูมจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการต้ม ดังนี้:

• ต้ม 6 นาที : ไข่ขาวสุก ไข่แดงเยิ้มมาก
• ต้ม 7 นาที : ไข่แดงเริ่มข้น
• ต้ม 8 นาที : ไข่แดงกึ่งสุกกึ่งเยิ้ม
• ต้ม 10 นาที : ไข่แดงสุกแบบไข่ต้มปกติ

เมื่อครบเวลาตามที่ต้องการแล้ว ให้นำไข่ขึ้นจากหม้อทันที แล้วใส่ลงใน น้ำเย็นจัด เพื่อหยุดความร้อนภายในไข่ ป้องกันไม่ให้สุกต่อ และยังช่วยให้ปอกเปลือกง่ายขึ้นอีกด้วย

นอกจากเรื่องเวลาแล้ว ขนาดของไข่ ก็มีผลต่อความเยิ้มของไข่ยางมะตูมเช่นกัน ไข่ฟองใหญ่จะใช้เวลามากกว่าไข่ฟองเล็ก หากใช้เวลาเท่ากัน ไข่ฟองเล็กจะสุกกว่า ส่วนไข่ไก่จะได้ผลลัพธ์ที่ต่างจากไข่เป็ดเล็กน้อย โดยไข่ไก่จะออกแนวยางมะตูมมากกว่า

คุณผู้หญิงหรือใครก็ตามที่ชอบทานไข่ยางมะตูม สามารถทดลองทำได้ที่บ้านง่าย ๆ ไม่ต้องง้อร้านอาหาร และยังเลือกระดับความเยิ้มของไข่ตามความชอบได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะทานกับข้าว น้ำพริก หรืออาหารจานหลัก ก็เพิ่มเสน่ห์ให้ทุกมื้ออร่อยได้อย่างลงตัว

#ไข่ยางมะตูม
#เคล็ดลับต้มไข่
#ทำอาหารง่ายที่บ้าน
#ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ดี
#ต้มไข่ให้อร่อย

ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์