💧ช่วยดับร้อน-เพิ่มความสดชื่น
🥄มีไฟเบอร์-แร่ธาตุ ช่วยขับถ่าย
⚠️กินมากเสี่ยงท้องเสีย-น้ำตาลพุ่ง
🍬หลีกเลี่ยงน้ำเชื่อมหวานจัด
✅เลือกกินลูกตาลสด-สะอาด
ลูกตาล หนึ่งในผลไม้พื้นบ้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหน้าร้อน ด้วยเนื้อสัมผัสนุ่มฉ่ำ รสชาติหวานธรรมชาติ และฤทธิ์เย็นที่ช่วยดับกระหายได้อย่างดี จึงมักถูกนำมารับประทานแบบสด หรือดัดแปลงเป็นของหวานหลายเมนู เช่น ลูกตาลลอยแก้ว ลูกตาลเชื่อม และน้ำลูกตาล
จากข้อมูลโภชนาการระบุว่า ลูกตาล 1 ผลให้พลังงานประมาณ 20–40 กิโลแคลอรี โดยมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และมีใยอาหารในปริมาณที่ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้ดี
ประโยชน์เด่นของลูกตาล ได้แก่:
- ช่วยดับร้อน คลายความกระหาย
- เสริมพลังงานอย่างพอดีจากคาร์โบไฮเดรตธรรมชาติ
- มีไฟเบอร์ช่วยระบบขับถ่าย ลดอาการท้องผูก
- มีฤทธิ์เย็น บรรเทาร้อนในหรืออาการร้อนจากอากาศร้อนจัด
แต่ในอีกด้านหนึ่ง หากรับประทานมากเกินไป หรือเลือกวิธีปรุงที่ไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้เกิด ผลข้างเคียงต่อสุขภาพ ได้เช่นกัน
โทษของลูกตาลที่ควรระวัง:
- ฤทธิ์เย็นเกินไป อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรือถ่ายเหลว โดยเฉพาะผู้ที่ระบบย่อยไม่แข็งแรงหรือเป็นคนธาตุอ่อน
- น้ำเชื่อมหวานจัด ในเมนูลูกตาลแช่น้ำเชื่อมหรือขนมหวาน อาจให้พลังงานและน้ำตาลสูงเกินไป เสี่ยงต่อผู้ที่ควบคุมน้ำหนักหรือมีภาวะเบาหวาน
- ท้องอืด-แน่นท้อง หากรับประทานในปริมาณมาก ใยอาหารและน้ำตาลธรรมชาติในลูกตาลอาจทำให้ระบบย่อยทำงานหนัก
คำแนะนำในการกินลูกตาลให้ได้ประโยชน์:
- กินในปริมาณพอเหมาะ ไม่เกิน 2–3 ผลต่อครั้ง เพื่อไม่ให้รับน้ำตาลและพลังงานมากเกินไป
- เลี่ยงน้ำเชื่อมหวานจัด หากทำขนมลูกตาล ควรลดปริมาณน้ำตาล หรือเลือกทำสูตรหวานน้อย
- เลือกลูกตาลสดใหม่ หลีกเลี่ยงลูกตาลหมัก หรือเก็บไว้นาน ซึ่งอาจมีเชื้อโรคสะสม
- ทำความสะอาดก่อนบริโภค ไม่ว่าจะเป็นลูกตาลสดหรือจากตลาด ควรล้างด้วยน้ำสะอาดก่อนนำมารับประทาน
ลูกตาลถือเป็นผลไม้พื้นบ้านที่ดีต่อสุขภาพ หากรู้จักเลือกกินในปริมาณที่เหมาะสมและวิธีการที่ถูกต้อง จะได้รับทั้งความสดชื่นและคุณค่าทางอาหารอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จังหวัดขอนแก่น ที่นิยมบริโภคลูกตาลสดตามตลาดชุมชนและริมทาง
#ลูกตาลคลายร้อน
#หวานพอดีดีต่อสุขภาพ
#กินลูกตาลอย่างปลอดภัย
#รู้ก่อนกินไม่เสี่ยงท้องเสีย
#ของหวานพื้นบ้าน
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์




Leave a Response