🍌 กล้วยห่ามดีต่อสุขภาพ! 12 ประโยชน์ที่คนส่วนใหญ่อาจยังไม่รู้

_dcb1b22a-880a-4295-b6ec-26f1e1606dd6

🔍 แป้งต้านย่อยสูง ช่วยแก้ท้องเสีย
💉 คุมเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด
🌿 ต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน
❤️ มีโพแทสเซียมสูง บำรุงหัวใจ
⚠️ กินมากไปอาจท้องผูก

เนื้อหาข่าว:กล้วยห่าม หรือกล้วยที่มีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างดิบกับสุก เปลือกเริ่มเหลืองแต่ยังมีสีเขียวเจืออยู่ เนื้อแน่น รสชาติไม่หวานจัด แม้จะดูไม่น่าทานเท่ากล้วยสุก แต่กลับแฝงคุณค่าทางโภชนาการที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะ “แป้งต้านการย่อย” (Resistant Starch) ที่มีสูงกว่ากล้วยสุก ทำให้กล้วยห่ามกลายเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใส่ใจสุขภาพ

กล้วยห่ามมีประโยชน์มากมายถึง 12 ข้อ ได้แก่

  1. แก้ท้องเสีย: แป้งต้านย่อยช่วยดูดซับน้ำในลำไส้ ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้
  2. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: แป้งย่อยช้าช่วยป้องกันระดับน้ำตาลพุ่ง เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานระยะแรก
  3. ดีต่อระบบขับถ่าย: มีใยอาหารช่วยกระตุ้นลำไส้ ส่งเสริมการขับถ่าย
  4. ป้องกันโรคกระเพาะ: แป้งเคลือบกระเพาะ ลดกรด ลดอาการแสบ
  5. ลดความอยากอาหาร: ย่อยช้า ทำให้อิ่มนาน เหมาะกับคนลดน้ำหนัก
  6. เสริมภูมิคุ้มกัน: มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ
  7. รักษาแผลในลำไส้: มีสารต้านการอักเสบ เสริมชั้นเมือกในลำไส้
  8. ลดคอเลสเตอรอล: ไฟเบอร์ช่วยลดดูดซึมไขมันเลว LDL
  9. มีสารต้านอนุมูลอิสระ: เช่น โพลีฟีนอลและแทนนิน
  10. เหมาะกับผู้เป็นเบาหวาน: ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำกว่ากล้วยสุก
  11. บำรุงหัวใจ: โพแทสเซียมช่วยควบคุมความดัน ป้องกันหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  12. ช่วยดีท็อกซ์ลำไส้: มีใยอาหารพรีไบโอติกส์ ส่งเสริมจุลินทรีย์ดีในลำไส้

วิธีกินกล้วยห่ามให้ได้ประโยชน์สูงสุด ได้แก่ กินสดวันละ 1–2 ลูก เคี้ยวให้ละเอียด หรือฝานบางๆ จิ้มน้ำผึ้ง หากแข็งเกินไป นอกจากนี้สามารถผสมในสมูทตี้หรือบดใส่ข้าวโอ๊ตเพื่อเพิ่มรสชาติ ควรหลีกเลี่ยงการกินร่วมกับนมวัวหากเป็นคนท้องอืดง่าย ทั้งนี้ กล้วยห่ามที่นิยมใช้คือ “กล้วยน้ำว้า” เพราะรสชาติพอดี ไม่ฝาด และเคี้ยวง่าย

อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคกล้วยห่ามอย่างพอเหมาะ ไม่กินในปริมาณมากในคราวเดียว เพราะอาจทำให้แน่นท้องหรือท้องผูกได้

#กล้วยห่ามดีจริงไม่จกตา
#สุขภาพดีด้วยกล้วยห่าม
#กินกล้วยห่ามลดเบาหวาน
#กล้วยน้ำว้ากล้วยไทยทรงพลัง
#อาหารต้านโรคกระเพาะ

ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์

 


Leave a Response

เรื่องล่าสุด