ผักปวยเล้งไม่ใช่ผักโขม
ผักพระราชบรรณาการจากเนปาลถึงจีน
สารอาหารแน่น บำรุงเลือด สมอง สายตา
ควีนเอลิซาเบธที่ 2 เสวยประจำ
ห้ามกินดิบ เสี่ยงกรดออกเซลิคสูง
ปวยเล้ง (Spinach) หนึ่งในผักใบเขียวที่ถูกเข้าใจผิดมากที่สุดในไทย โดยคนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าเป็นผักโขม (Amaranth) ทั้งที่เป็นคนละสายพันธุ์กัน กลับเป็นผักที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชาแห่งผัก” โดยชาวอาหรับ และยังเป็น 1 ใน 5 ผักที่ดีที่สุดในโลกตามการจัดอันดับของ CDC สหรัฐอเมริกา ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่โดดเด่น หาทานง่าย ราคาถูก และดัดแปลงเป็นอาหารได้หลากหลายทั้งอาหารไทยและต่างประเทศ
ประวัติของผักปวยเล้งมีความน่าสนใจ โดยมีบันทึกในยุคราชวงศ์ถัง ระบุว่า กษัตริย์เนปาลเคยถวายปวยเล้งเป็นราชบรรณาการแก่พระเจ้าถังไท่จง สะท้อนความสำคัญของผักชนิดนี้ตั้งแต่ยุคโบราณ
ในปัจจุบัน ปวยเล้งยังได้รับความนิยมสูงทั้งในรูปแบบโตเต็มวัยและแบบเบบี้ (Baby Spinach) ซึ่งเก็บเกี่ยวตั้งแต่ต้นอ่อนอายุ 15–35 วัน ใบจะมีขนาดเล็ก นุ่ม รสหวาน เหมาะสำหรับทำสลัด
ปวยเล้งอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินบี 2 สารเบต้าแคโรทีน ลูทีน ธาตุเหล็ก โฟเลต วิตามินบี 12 วิตามินเค แคลเซียม กรดโฟลิก และซาโปนิน ช่วยบำรุงร่างกายทุกระบบตั้งแต่ภูมิคุ้มกัน ผิวพรรณ สายตา สมอง ระบบเลือด กระดูก ไปจนถึงลำไส้ และยังช่วยลดคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด
ดาเรน แมคเกรดี อดีตเชฟราชสำนักอังกฤษ เปิดเผยว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงโปรดเสวยปวยเล้งเป็นพิเศษ โดยมักเสวยร่วมกับปลาไขมันต่ำ เช่น เมนูปลาโดเวอร์โซล์ย่าง เสิร์ฟบนผักปวยเล้งลวก สะท้อนให้เห็นถึงการใส่ใจสุขภาพในพระองค์
นอกจากคุณประโยชน์แล้ว ปวยเล้งยังติดอันดับที่ 5 ของผักที่ดีที่สุดในโลกจากการจัดอันดับโดย CDC โดยมีคะแนนเฉลี่ย 86.43 คะแนน รองจาก วอเตอร์เครส ผักกาดขาว ชาร์ด และบีทกรีน
อย่างไรก็ตาม ปวยเล้งมีข้อควรระวังในการบริโภค โดยมีกรดออกเซลิคสูง ซึ่งอาจขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก และส่งผลเสียต่อผู้ป่วยโรคนิ่ว เกาต์ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือผู้ที่ต้องควบคุมแคลเซียม แนะนำให้นำมาปรุงให้สุกก่อนรับประทาน เพื่อทำลายกรดดังกล่าวและได้รับประโยชน์สูงสุดจากผักชนิดนี้
#ผักปวยเล้งไม่ใช่ผักโขม
#ราชาแห่งผักที่ควีนยังโปรด
#ซูเปอร์ฟู้ดเพื่อสุขภาพ
#อาหารเพื่อภูมิคุ้มกัน
#ผักดีระดับโลกในครัวไทย
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์

Leave a Response