แบน 12 ประเทศ ห้ามเข้าประเทศเด็ดขาด
จำกัดอีก 7 ประเทศ ตรวจเข้มบางกรณี
โยงเหตุโจมตีชาวยิว จุดชนวนประกาศ
เดโมแครตจวก เป็นการเหยียด-แยกโลก
เคยแบนชาวมุสลิมช่วงวาระแรก
สำนักข่าวต่างประเทศ BBC รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศลงนามคำสั่งห้ามพลเมืองจาก 12 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ โดยอ้างถึงเหตุผลด้านความปลอดภัยแห่งชาติ รายชื่อประเทศที่ถูกห้ามทั้งหมด ได้แก่ อัฟกานิสถาน, เมียนมา, ชาด, สาธารณรัฐคองโก, อิเควทอเรียลกินี, เอริเทรีย, เฮติ, อิหร่าน, ลิเบีย, โซมาเลีย, ซูดาน และเยเมน
นอกจากนี้ ยังมีพลเมืองจากอีก 7 ประเทศ ที่ถูกจำกัดการเข้าเมืองบางส่วน ได้แก่ บุรุนดี, คิวบา, ลาว, เซียร์ราลีโอน, โตโก, เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา ซึ่งจะต้องเผชิญกับมาตรการตรวจสอบพิเศษหรือข้อจำกัดบางประการ ทั้งนี้ยังมีข้อยกเว้นให้กับผู้ถือวีซ่าบางประเภท, ผู้อยู่อาศัยถาวรอย่างถูกกฎหมาย และผู้ที่มีเหตุผลเพื่อผลประโยชน์ของชาติสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า คำสั่งนี้เกิดขึ้นภายหลังเหตุโจมตีต่อต้านชาวยิวในเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งเป็นชนวนให้ประธานาธิบดีทรัมป์เร่งออกคำสั่งดังกล่าว โดยระบุว่าเป็น “การทำตามสัญญา” เพื่อปกป้องพลเมืองอเมริกันจากผู้กระทำผิดชาวต่างชาติที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
แอบิเกล แจ็กสัน รองโฆษกทำเนียบขาว ออกแถลงการณ์ย้ำว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังทำตามคำมั่นสัญญา เพื่อปกป้องประเทศของเรา” โดยคำสั่งห้ามเดินทางนี้มีความเฉพาะเจาะจงต่อแต่ละประเทศ เช่น ประเทศที่ไม่สามารถตรวจสอบผู้เดินทางได้อย่างเหมาะสม มีอัตราการอยู่เกินวีซ่าสูง หรือไม่สามารถแบ่งปันข้อมูลด้านความมั่นคงได้
ย้อนกลับไปในวาระแรกของทรัมป์ เขาเคยออกคำสั่งห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐฯ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักและต่อมานโยบายดังกล่าวถูกยกเลิกโดยอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในปี 2021
สำหรับคำสั่งล่าสุดนี้ พรรคเดโมแครตออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง ปรามิลา จายาปาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากกรุงวอชิงตัน โพสต์ในโซเชียลมีเดียว่า “การขยายขอบเขตแบนจากเดิมที่เคยห้ามชาวมุสลิม คือการโยนความผิดไปผิดที่ และจะยิ่งทำให้สหรัฐฯ ถูกแยกออกจากเวทีโลก”
ด้าน ดอน เบเยอร์ สมาชิกพรรคเดโมแครตอีกคน ระบุว่าการกระทำของทรัมป์เป็น “การทรยศต่ออุดมการณ์ของผู้ก่อตั้งประเทศ” เขาชี้ว่าการใช้อคติและชาตินิยมแบบสุดโต่งมาเป็นเหตุผลในการห้ามผู้คนเดินทาง ไม่ได้ช่วยให้ประเทศปลอดภัยขึ้น กลับกลายเป็นการบั่นทอนบทบาทผู้นำโลกของสหรัฐฯ
ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนทรัมป์ มองว่านี่คือการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญเพื่อคุ้มครองพลเมือง และควบคุมชายแดนอย่างสมเหตุสมผล ท่ามกลางกระแสต่อต้านและเสียงแตกในสังคมอเมริกันที่กำลังเผชิญความตึงเครียดจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
#แบน12ประเทศเข้มข้น
#ทรัมป์ลงดาบต่างชาติ
#นโยบายความมั่นคงอเมริกา
#เดโมแครตต้านแบนคนเข้าเมือง
#ความขัดแย้งผู้นำโลก
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์
หากสนใจ ฉันสามารถ อัปเดตความเคลื่อนไหวฝั่งเดโมแครตและปฏิกิริยาต่างประเทศ หรือ สรุปนโยบายด้านคนเข้าเมืองของทรัมป์ตลอดวาระ เพิ่มเติมให้นะครับ

Leave a Response