📈 ขอนแก่นติดเชื้อ HIV สูง แพทย์เตือนใช้ถุงยางทุกครั้ง

Cover Web KKL (เว็บไซต์)

🧑‍⚕️ สคร.7 เตือนวัยรุ่นเสี่ยงติดเชื้อ

📊 สถิติผู้ติดเชื้อ HIV คงที่

🧪 ซิฟิลิสพบมากในกลุ่มวัยรุ่น

💊 ยาป้องกัน HIV ไม่แทนถุงยาง

📅 ตรวจรักษาทุกวันอังคาร-พุธ

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น (สคร.7 ขอนแก่น) เตือนกลุ่มวัยรุ่นและประชาชนทั่วไปในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 ซึ่งครอบคลุมจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด ให้ตระหนักถึงความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเชื้อเอชไอวี (HIV) หลังพบสถานการณ์การติดเชื้อยังคงสูงต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำให้มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งและทุกช่องทาง

พญ.พุทธพร ประเสริฐสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7

พญ.พุทธพร ประเสริฐสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 เปิดเผยว่า สถานการณ์ของโรคเอดส์หรือ HIV ในภาพรวมของสคร.7 ขอนแก่น พบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นมาเท่าๆ กับสถิติตั้งแต่ปี 2563-2567 เฉลี่ยปีละ 1,600 – 1,700 ราย ส่วนขอนแก่นแม้จะมีการติดอันดับผู้ติดเชื้อ HIV เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย อยู่ที่เฉลี่ยปีละ 700 ราย แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงจากจำนวนผู้ติดเชื้อตั้งแต่ปี 2563 มา สำหรับรายใหม่จะเป็นวัยทำงาน 25-49 ปี หากยอดสะสมจะเป็นวัยเรียน อายุ 20-24 ปี ที่ติดเชื้อมากที่สุด

ปัจจุบันมีการใช้ยาป้องกันก่อนการสัมผัสโรค (PrEP) ทำให้บางคนละเลยที่จะสวมถุงยางอนามัย อย่างไรก็ตาม ยาป้องกันนั้นป้องกันได้เพียง HIV และหลายคนกินแบบไม่ถูกวิธีและไม่ได้กินทุกครั้งก่อนสัมผัสโรค ก็อาจจะเป็นสาเหตุได้ ทั้งการติดเชื้อ HIV และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ด้วย ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดคือการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์ และต้องสวมให้ถูกวิธี คือใช้ถุงยางที่มีมาตรฐานของ อย. ไม่แตกไม่รั่วซึม หากพบซองบรรจุผลิตภัณฑ์ผิดปกติควรงดใช้อย่างเด็ดขาด รวมทั้งใช้ขนาดที่พอดีไม่ใหญ่เกินไปและไม่สวมหลายชั้น

ในส่วนของโรคซิฟิลิสนั้น มีการดำเนินโรคค่อนข้างยาวนาน เมื่อรับเชื้อมาก็จะเริ่มเข้าสู่ระยะที่ 1 จะพบว่ามีตุ่มและแตกออกในลักษณะแผลริมแข็ง ยุบลงไปขอบนูน แต่จะไม่มีความเจ็บปวด ซึ่งสามารถหายเองได้ และในบางรายอาจจะมีต่อมน้ำเหลืองอักเสบร่วมด้วย โรคจะพบเห็นอยู่ประมาณ 3-8 สัปดาห์ก็จะหายไป แต่เชื้อไม่ได้หายไปด้วย จะยังคงอยู่ในร่างกาย ก่อนจะเข้าสู่ระยะที่ 2 โดยเชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือดและไปตามอวัยวะต่างๆ โดยจะพบว่ามีผื่นขึ้นตามฝ่ามือฝ่าเท้า ที่ในโรคอื่นๆ จะไม่ค่อยพบเห็น และจะมีผมร่วง คิ้วร่วง ขนร่วง หรือมีม่านตาอักเสบ พอระยะที่ 2 หายไป แต่เชื้อก็จะยังแฝงตัวอยู่ในร่างกายเช่นเดิม ซึ่งหลายคนพอเป็นระยะที่ 1 ระยะที่ 2 แล้วหายไปก็ไม่ไปตรวจคิดว่าหายแล้ว และเชื้อจะแฝงอยู่ยาวนานถึง 15-40 ปี จนกระทั่งเข้าสู่ระยะที่ 3 เชื้อเข้าสู่อวัยวะต่างๆ โดยที่สำคัญคือไปที่หัวใจหลอดเลือด ทำให้เป็นลิ้นหัวใจผิดปกติ เส้นเลือดใหญ่โป่งพองและเสียชีวิตได้ ส่วนการรักษานั้นหากรักษาถูกวิธีก็จะหายได้แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นระยะไหนวิธีการรักษา คือ ซิฟิลิส ระยะที่ 1,2 และระยะแฝงช่วงต้น ให้ยาฉีดเข้ากล้าม 1 เข็ม ซิฟิลิสระยะแฝงช่วงปลาย ระยะแฝงไม่ทราบระยะเวลา และระยะที่ 3 ให้ยาฉีดเข้ากล้าม 1 เข็ม ทุกสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ติดกัน และซิฟิลิสสามารถติดเชื้อในระบบประสาทได้ เกิดได้ในทุกระยะของโรค อาจมีอาการคล้ายเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาจมีอาการอ่อนแรงครึ่งซีก ความจำเสื่อม อารมณ์แปรปรวน บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง การได้ยินบกพร่อง มีความผิดปกติทางตา ซึ่งรักษาด้วยยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ 10- 14 วัน ทั้งนี้แพทย์จะนัดติดตามผลเลือดว่ารักษาได้ผลหรือไม่

พญ.พุทธพร ประเสริฐสกุล ยังเปิดเผยอีกว่า ศูนย์สาธิตบริการ สคร.7 ยังรับตรวจรักษาโรคจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย ทุกวันอังคารและวันพุธ เวลา 09.00 น. – 15.00 น. เว้นวันหยุดราชการ หากใครสงสัยว่าตัวเองจะเสี่ยงในเรื่องของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก็สามารถมารับบริการได้ นอกจากนี้ยังมีถุงยางอนามัยที่มีมาตรฐาน อย. แจกด้วย ซึ่งทุกคนสามารถมาขอรับได้ฟรี การตรวจรักษานั้น หากพบว่าติดเชื้อ HIV หรือโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์อื่นๆ จะต้องทำการรักษาทั้งตัวเองและคู่สัมพันธ์ด้วย หากไม่ทำการรักษาด้วยกันก็จะทำให้กลับไปติดเชื้อได้อีก ถ้ามีคู่สัมพันธ์หลายคนก็ให้พาทุกคนมาด้วย แม้สถานการณ์จะพบว่ามีผู้ติดเชื้อหลายรายแต่ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก ควรตระหนักเน้นการป้องกันตนเองอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ในทุกช่องทาง หากเคยมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง ถุงยางแตกระหว่างกิจกรรม หรือมีอาการผิดปกติที่อาจเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เนื่องจากโรคทั้ง 5 ชนิดสามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาทันเวลา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคหลัก ได้แก่ โรคซิฟิลิส โรคหนองใน โรคหนองในเทียม โรคแผลริมอ่อน และฝีมะม่วง ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 ประกอบด้วยจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด ปี 2568 ข้อมูลล่าสุดพบผู้ป่วยสะสมจำนวน 1,217 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 24.4 ต่อประชากรแสนคน โรคที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ โรคซิฟิลิส 645 ราย, 12.93 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ โรคหนองใน 463 ราย, 9.28 ต่อประชากรแสนคน

จังหวัดที่มีอัตราป่วยโรคซิฟิลิสสูงสุดคือ จังหวัดร้อยเอ็ด 180 ราย หรือ 13.95 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ ขอนแก่น 245 ราย หรือ 13.76 ต่อประชากรแสนคน กาฬสินธุ์ 133 ราย หรือ 13.69 ต่อประชากรแสนคน และมหาสารคาม 87 ราย หรือ 9.21 ต่อประชากรแสนคน

จังหวัดที่มีอัตราป่วยโรคหนองในสูงสุดคือ จังหวัดมหาสารคาม 102 ราย หรือ 10.80 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ ร้อยเอ็ด 125 ราย หรือ 9.69 ต่อประชากรแสนคน ขอนแก่น 165 ราย หรือ 9.27 ต่อประชากรแสนคน และกาฬสินธุ์ 71 ราย หรือ 7.30 ต่อประชากรแสนคน โดยกลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงสุดคือ กลุ่มอายุ 15-29 ปี

ส่วนสถานการณ์ HIV ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 ไตรมาส 2 ตั้งแต่ตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568 มีผู้เข้ารับบริการให้การปรึกษาและตรวจเลือดเพื่อหาการติดเชื้อเอชไอวีจำนวน 85,673 ราย พบผู้ติดเชื้อวินิจฉัยรายใหม่ 712 ราย เป็นเพศชาย 566 ราย และเพศหญิง 146 ราย

ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์


Leave a Response

เรื่องล่าสุด