💦 ความชื้นสะสมเสี่ยงเชื้อราและกลิ่นเท้า
🧼 ล้างเท้าด้วยสบู่อ่อนหลังเปียกน้ำ
🧽 เช็ดเท้าให้แห้งสนิทโดยเฉพาะซอกนิ้ว
🥿 หลีกเลี่ยงใส่รองเท้าเปียกซ้ำ
👀 สังเกตผิวเท้า หากผิดปกติควรพบแพทย์
หลังจากต้องลุยฝนหรือลุยน้ำขัง เท้าของเรามักเผชิญกับความชื้นที่สะสมอยู่ในรองเท้าและถุงเท้า ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา นำไปสู่ปัญหาผิวหนัง เช่น โรคน้ำกัดเท้า ผิวหนังอักเสบ หรือแม้แต่เล็บขบ การดูแลเท้าอย่างเหมาะสมหลังจากเปียกฝนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การดูแลเท้าเบื้องต้นหลังเปียกน้ำเริ่มจากการถอดรองเท้าและถุงเท้าออกทันทีเมื่อถึงที่พัก เพื่อไม่ให้ความอับชื้นสะสมอยู่นาน จากนั้นควรล้างเท้าด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อนเพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่อาจติดมากับน้ำฝน
หลังล้างเท้าแล้ว ควรขัดเบา ๆ บริเวณส้นเท้าหรือบริเวณที่มีคราบดำ ด้วยแปรงหรือหินขัดเพื่อความสะอาดยิ่งขึ้น และต้องเช็ดเท้าให้แห้งสนิท โดยเฉพาะซอกนิ้วเท้าที่เป็นจุดอับชื้นง่าย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อรามีโอกาสเจริญเติบโต
หากมีเวลาควรแช่เท้าในน้ำอุ่นผสมเกลือหรือสมุนไพร เพื่อช่วยฆ่าเชื้อและบรรเทาอาการเมื่อยล้าจากการเดินลุยน้ำ พร้อมบำรุงผิวเท้าด้วยครีมหรือโลชั่นหลังเช็ดให้แห้ง เพื่อคืนความชุ่มชื้นและป้องกันผิวแตกระแหง
อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญคือการเปลี่ยนรองเท้า อย่าสวมรองเท้าคู่เดิมที่ยังเปียก ควรเลือกใช้รองเท้าที่แห้งและระบายอากาศได้ดีเพื่อให้เท้าได้ “หายใจ”
สุดท้ายคือการหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของผิวเท้า เช่น อาการคัน ผิวลอก หรือตุ่มน้ำ หากพบอาการเหล่านี้ควรเริ่มดูแลรักษาทันที และหากไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
การดูแลเท้าหลังลุยฝนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องมีวินัยและใส่ใจสุขภาพเท้า เพียงล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้ง และเลี่ยงความชื้น เท้าของคุณก็จะปลอดภัยจากโรคผิวหนังและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#เท้าเปียกต้องดูแล
#เชื้อราที่เท้าป้องกันได้
#สุขภาพเท้าในหน้าฝน
#ฝนตกหนักเท้าต้องไม่พัง
#ดูแลเท้าหลังลุยน้ำ
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์

Leave a Response