รถยนต์ชนแล้วหนีลากร่าง 100 เมตร ดับสลด

IMG_9291

🔍 ผู้ตายถูกชนและลากร่างกว่า 100 เมตร

🚗 รถต้องสงสัย 2 คันอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

🕯️ ญาติร้องขอคู่กรณีแสดงความรับผิดชอบ

👮 ตำรวจเดินหน้าสืบสวนหาหลักฐาน

🙏 ครอบครัววอนขอความยุติธรรม

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 ธ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายสุชาติ สุพรรณนอก อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 ม.8 บ้านดอนตะแบง ต.ตะกั่วป่า อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น เพื่อให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงสะท้อนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า น.ส.ธนาภรณ์ สิงห์สี หรือนิ่ม อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.2 บ้านหัวหนอง ต.หนองสองห้อง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ซึ่งประสบอุบัติเหตุ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีชมพู หมายเลขทะเบียน คจว-933 ขอนแก่น ถูกรถยนต์ชนตายคาที่แล้วรถคู่กรณีก็หลบหนี ไม่เหลียวแล ไม่ช่วยเหลือ

พร้อมพาลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บนถนนสาย อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ไป อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งพบร่องรอยจุดแรกกลางถนนเป็นร่องรอยของรถจักรยานยนต์ผู้เสียชีวิตถูกลากไถลข้ามเลนไปประมาณ 100 เมตร พร้อมทั้งมีรอยเบรกยาวประมาณเกือบ 5 เมตร และพบรอยลากรถจักรยานยนต์กลับมาอีกประมาณ 100 เมตร ซึ่งจะมีคราบน้ำมันและเศษชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ผู้เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ

ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 14 ม.2 บ้านหัวหนอง ต.หนองสองห้อง อ.หนองสองห้อง ที่ตั้งสวดอภิธรรมศพของผู้ตาย พบญาติพี่น้อง สามีและบุตรของผู้ตาย จากนั้นนายสุชาติ และนายประวิทย์ ใจเที่ยง อายุ 33 ปี สามีผู้ตาย ร่วมกันจุดธูป บอกกล่าวหน้าศพผู้ตายว่า พาผู้สื่อข่าวมาทำข่าว เผยแพร่ออกไปให้คู่กรณีมารับผิดชอบแล้ว คาดว่าจะกระจ่างในเร็ววันนี้

นายประวิทย์ ใจเที่ยง อายุ 33 ปี สามีคนตาย กล่าวว่า ก่อนที่ภรรยาจะประสบอุบัติเหตุนั้น ตนออกไปนอนที่บ้านดอนตะแบง อยู่ห่างจากบ้านหัวหนองประมาณ 9 กม. ขับขี่รถไปใช้เวลาประมาณ 10 นาที ส่วนภรรยาอยู่บ้านกับมารดา และไปเที่ยวงานงิ้วคืนสุดท้ายกับเพื่อน แต่ได้คุยโทรศัพท์กันตลอด

“ภรรยาเที่ยวงานงิ้วเสร็จก็กลับมาที่บ้าน พร้อมกับโทรศัพท์หาตน บอกว่าจะออกไปหาที่บ้านดอนตะแบง จึงห้ามไว้ เพราะอากาศหนาวเย็น แต่ช่วงเวลาประมาณตีสามกว่าจึงโทรหาแม่ยายจึงทราบว่าภรรยาขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านแล้ว จากนั้นจึงโทรศัพท์ติดต่อกับภรรยา แต่ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งสายสุดท้ายเวลาประมาณ 03.52 น.มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยรับสาย แจ้งว่า ภรรยาประสบอุบัติเหตุบนถนน ในพื้นที่บ้านโนนตาล ต.ตะกั่วป่า อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ห่างจากบ้านดอนตะแบงประมาณ 3 กม. จึงรีบขับรถออกมาดู พบว่าภรรยาเสียชีวิตคาที่ จึงแจ้งญาติพี่น้อง และให้กู้ชีพแจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจตรวจที่เกิดเหตุเรียบร้อยจึงขอรับศพภรรยา กลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านพัก บ้านหัวหนอง โดยจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 25 ธ.ค.ที่จะถึงนี้”

นายประวิทย์ สามีคนตาย กล่าวว่า ครอบครัวยังทำใจไม่ได้ เพราะในที่เกิดเหตุไม่เห็นคู่กรณี จึงร้องเรียนต่อสื่อมวลชน ให้ทำข่าวเผยแพร่ออกไป เพื่อให้คู่กรณีมารับผิดชอบในการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ และขอให้มาขอขมาศพคนตายที่บ้านด้วย ส่วนคดีก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ติดตามตัวคนขับรถยนต์มาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย

ขณะที่นายสุชาติ สุพรรณนอก อายุ 39 ปี ญาติคนตาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังได้หาเบาะแสจากกล้องวงจรปิด ใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งมีวงจรบันทึกได้เพียงเสียงชน จากนั้นมีรถยนต์ขับจาก อ.หนองสองห้อง มุ่งหน้าไป อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ด้วยความเร็วสูง ผ่านไปไม่นาน ก็มีรถยนต์กระบะสีแดง มีหลังคา ขับมาจากฝั่ง อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ผ่านเข้าไป อ.หนองสองห้อง จึงเชื่อว่า น่าจะมีรถยนต์คันแรกชนรถคนตายจนล้มลงกลางถนน แล้วรถคันที่สองวิ่งสวนทางมาชนซ้ำ แล้วลากร่างคนตายไปไกลจากจุดแรกประมาณ 100 เมตร หลังเกิดเหตุ คนขับรถไม่ลงมาดู จึงอยากให้รถคู่กรณีออกมารับผิดชอบ และมาจุดธูปไหว้ขอขมาศพคนตาย เพื่อให้คนตายหมดห่วงและไปสู่ภพภูมิที่ดี

ด้าน พ.ต.อ.ธีร์ธัช พงศ์สุวรรณ์ ผกก.สภ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เบื้องต้นภายหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่และเก็บหลักฐานกล้องวงจรปิด และพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน เป็นรถกระบะสีแดง และรถเก๋งสีขาว จึงได้มีการตรวจสอบกระทั่งทราบตัวบุคคลว่ารถกระบะคันแดงนั้นเป็นพ่อค้าชาว อ.หนองสองห้อง ก่อนจะตามไปที่บ้านแต่ไม่พบรถ โดยได้เรียกให้เจ้าของรถกระบะสีแดงและรถยนต์เก๋งสีขาวทราบว่าอยู่ในพื้นที่ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ นำรถมาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่แล้ว เพื่อทำการสอบปากคำและจะประสานทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาเก็บหลักฐานเปรียบเทียบวัตถุพยานที่ปรากฏ ซึ่งแม้ว่าจะนำรถไปล้างหรือเปลี่ยนสีแต่ก็ไม่สามารถที่จะบิดเบือนพยานหลักฐานได้

“ภายหลังจากสอบปากคำหากยืนยันว่าเป็นรถยนต์ที่ชนรถจักรยานยนต์ผู้เสียชีวิตก็จะต้องถูกแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานที่ใกล้เคียงทันที ซึ่งตามกฎหมายเชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตและเป็นความผิดตามกฎหมาย หากใครรู้ตัวว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องดังกล่าว ขอให้เข้ามามอบตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และในส่วนของทางแพ่งก็จะเป็นในส่วนของทั้งสองฝ่ายพูดคุยไกล่เกลี่ยเพื่อสามารถลดโทษตามกฎหมายซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลต่อไป”

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง