เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจในบ้านหลังหนึ่งที่ตำบลโพนเพ็ก อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น เมื่อชายอายุ 55 ปี ก่อเหตุทำร้ายสมาชิกในครอบครัว โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 4 ราย ซึ่งรวมถึงตัวผู้ก่อเหตุเอง เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์นี้ ขณะเดียวกันสังคมและชาวบ้านในพื้นที่ต่างรู้สึกเศร้าใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น
ผู้ก่อเหตุคือ นาย นพดล อันทะษี อายุ 55 ปี เดินทางมาจากจังหวัดหนองคายมายังบ้านของอดีตภรรยาในจังหวัดขอนแก่น โดยก่อนหน้านี้พยายามง้อขอคืนดีกับอดีตภรรยาหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น ในขณะที่เกิดเหตุมีเด็กหญิงวัย 1 ขวบ 7 เดือน ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้ก่อเหตุ อยู่ในที่เกิดเหตุแต่รอดชีวิตมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนผู้เสียชีวิตประกอบด้วยแม่ยาย ภรรยา และหลานชายวัย 18 ปีของนายนพดล
จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลานชายวัย 18 ปี ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ได้ส่งข้อความสุดท้ายถึงแม่ของเขาซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ ว่า “ทุกคนถูกยิงหมดแล้ว” ก่อนที่การติดต่อจะขาดหายไป ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าสำรวจพื้นที่เกิดเหตุหลังจากได้รับแจ้งเหตุการณ์ และพบผู้เสียชีวิตทั้งหมดภายในบ้าน รวมทั้งร่างของผู้ก่อเหตุซึ่งได้ปลิดชีพตนเองหลังจากก่อเหตุเสร็จสิ้น
ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ มีเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้ยินเสียงปืนดังหลายครั้ง และได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที โดยเสียงปืนดังขึ้นครั้งแรก 3 นัด ตามมาด้วยอีก 4 นัด และครั้งสุดท้ายอีก 2 นัด เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 4 รายภายในบ้าน พร้อมกับอุปกรณ์เสพยาเสพติดในรถของนายนพดลจำนวนมาก
ขณะนี้ ศพของผู้เสียชีวิตทั้งหมดได้ถูกส่งไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดของพวกเขา โดยญาติของนาย นพดล ไม่ติดใจในการเสียชีวิตของเขา ส่วนร่างของแม่ยาย ภรรยา และหลานชาย ได้รับการจัดเตรียมเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว ญาติพี่น้อง และชาวบ้านในพื้นที่
นาย เวียงชัย อายุ 58 ปี สามีของนางจรวยพร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ในเวลาที่เกิดเหตุ เขาได้ออกไปซื้ออาหารที่ตลาดในหมู่บ้าน ก่อนที่จะได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่ามีเสียงปืนดังขึ้นที่บ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่าเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปในบ้านทันที เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ปลอดภัย
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับชุมชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะครอบครัวของผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
Leave a Response