ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้น้อยลง ส่งผลให้อินซูลินทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายต้องผลิตอินซูลินเพิ่มมากขึ้นเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
อันตรายของภาวะดื้อต่ออินซูลิน
- เพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- เพิ่มความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง
- เพิ่มความเสี่ยงของโรคไขมันในเลือดผิดปกติ
น่ากังวลคือภาวะดื้อต่ออินซูลินมักไม่มีอาการที่ชัดเจน ดังนั้นการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำโดยแพทย์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
กลุ่มเสี่ยงของภาวะดื้อต่ออินซูลิน
- บุคคลที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน โดยเฉพาะไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง
- บุคคลที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน
- บุคคลที่มีความดันโลหิตสูง
- บุคคลที่มีไขมันในเลือดผิดปกติ
- บุคคลที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย
สาเหตุของภาวะดื้อต่ออินซูลิน
สาเหตุหลักของภาวะดื้อต่ออินซูลินคือระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน
กลไกการเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
- เมื่อรับประทานอาหาร ร่างกายจะย่อยคาร์โบไฮเดรตเปลี่ยนเป็นน้ำตาล (กลูโคส)
- น้ำตาลในเลือดจะกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลิน
- อินซูลินทำหน้าที่ลำเลียงน้ำตาลจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน
- หากร่างกายได้รับน้ำตาลจากอาหารมากเกินไปเป็นเวลานาน ตับอ่อนจำเป็นต้องผลิตอินซูลินมากขึ้น
- ภาวะอินซูลินสูงเป็นเวลานาน ส่งผลให้เซลล์กล้ามเนื้อ ไขมัน และตับดื้อต่ออินซูลิน
- เมื่อเซลล์ดื้อต่ออินซูลิน น้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้น ร่างกายจำเป็นต้องผลิตอินซูลินเพิ่มมากขึ้น วัฏจักรนี้หมุนเวียนไปเรื่อย ๆ
การตรวจวินิจฉัยและติดตามอาการ
หากคุณมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน สิ่งสำคัญคือการปรึกษาแพทย์เพื่อติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ แพทย์จะตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดหรือ Hemoglobin A1c (HbA1c) เป็นประจำเพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน
อาการเบื้องต้นของโรคเบาหวาน
- กระหายน้ำมาก
- หิวบ่อยแม้เพิ่งทานอาหารไป
- ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกลางคืน
- รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มตามมือหรือเท้า
- อ่อนเพลียง่ายกว่าปกติ
- ติดเชื้อบ่อย
- ผลเลือดแสดงระดับน้ำตาลในเลือดสูง
ผู้ป่วยบางรายอาจมีภาวะผิวหนังดำด้าน ซึ่งเป็นลักษณะผิวหนังเป็นปื้นหนาสีคล้ำ มักปรากฏบริเวณท้ายทอย ขาหนีบ และรักแร้ ภาวะผิวหนังดำด้านไม่มีทางรักษาหายขาด แต่หากเกิดจากโรคอื่น แพทย์อาจรักษาโรคดังกล่าวเพื่อให้สีผิวกลับคืนสู่สภาวะปกติ กรณีที่ไม่มีอาการแพทย์มักใช้ผลเลือดในการวินิจฉัยเบาหวานแฝง (Prediabetes) หรือโรคเบาหวาน

Leave a Response