Key Points:

• นายกเทศมนตรีนครขอนแก่นเผยพบคนเร่ร่อนในพื้นที่เพิ่มขึ้น

• สั่งการเพิ่มเวรยามเฝ้าระวัง 3 จุดหลักของเมือง

• ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระบบการช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 มิ.ย. 2567 ที่เทศบาลนครขอนแก่น นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยว่า จำนวนคนเร่ร่อนที่พักอาศัยตามพื้นที่สาธารณะต่างๆในเชตเทศบาลนครขอนแก่นมากขึ้นเรื่อยๆ 

เทศบาลฯซึ่งไม่มีอำนาจจับกุม ดังนั้นวิธีการต้องมีการสนธิกําลังร่วมมือกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่แตกต่างกัน ตำรวจสามารถตรวจค้นจับกุมได้ หน่วยงานสาธารณสุขดูแลสุขภาพ ที่ผ่านมามีคนเร่ร่อนมากขึ้น การวางมาตรการเพื่อดูแลพื้นที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทางเทศบาลได้ดูแลพื้นที่ทั้งหมดซึ่งมี 2 พื้นที่ที่เทศบาลต้องใช้คนเทศบาลและจ้างทหารผ่านศึกเข้ามาร่วมดูแลในพื้นที่บึงแก่นนครและบึงทุ่งสร้าง ส่วนที่เหลือ จะเป็นศาลหลักเมือง ประตูเมือง พื้นที่สวนสาธารณะต่างๆ จะมีกำลัง อปพร. และเทศกิจ สำหรับการตรวจตราจะมีเวรตรวจตราดูแลอยู่แล้วโดยเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชม. 

“คนที่แอบเข้ามาอาจหลุดรอดไปได้ แต่ต้องมีการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อจัดการผลักดัน หน่วยงานที่มีตัวเลขคนเหล่านี้จะเป็นหน่วยงานบ้านแสนสุข เป็นหน่วยงานที่ทางกระทรวง พม. อุดหนุนเงินเพื่อไปสร้างบ้านให้คนไร้ที่พึ่งได้ไปอยู่อาศัยกันโดยจะมีการไปสำรวจคนเร่ร่อนมีประมาณเท่าไรปัจจุบันน่ามีหลัก 100 คน และมีการขึ้นทะเบียนเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ตามเจอคนเหล่านี้ได้บ่อยๆ เพราะจะมีการเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆของแต่ละคน ปัจจุบันตังเลขที่ชัดเจนจะอยู่ที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งแต่ตัวเลขจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

นายธีระศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า เป็นปัญหาที่หนักใจมาโดยตลอดทำรุนแรงกฎหมายก็ไม่เอื้อถ้าไม่ทำอะไรเลยประชาชนก็รู้สึกไม่ปลอดภัยในส่วนของการดำเนินการคือการเฝ้าระวังและมีการสั่งการว่าพื้นที่ที่เป็นปัญหาคนที่จะเฝ้าระวังดูแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ปฏบัติงานต้องไม่เอาคนที่มีอายุมากๆ คนหนุ่มที่มีเรี่ยวแรงมีความรวดเร็วในการปฏิบัติหน้าที่พร้อมจะเผชิญเหตุถ้ามีเหตุรุนแรง อย่างไรก็ตามเทศบาลฯได้เน้นย้ำ 3-4 พื้นที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นศาลหลักเมือง, บึงแก่นนคร, บึงทุ่งสร้าง ได้มีการจัดเวรยามให้ครอบคลุม 24 ชม. เพื่อตรวจตราเป็นประจำ การที่จะทำให้พื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนอันดับแรกคงต้องให้หน่วยงานที่ต้องรับคนเร่ร่อนเหล่านี้รับไปดูแลอย่างจริงจังและคงต้องเพิ่มความถี่ในการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอีกด้วย