รวบแล้ว สาวแสบแอบย่องขโมยกระเป๋ายายวัย 71 ปี นอนกลางวันอยู่ภายบนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ได้เงินไปเกือบ 4 หมื่นบาท ทองคำอีก น้ำหนักรวม 1 บาท 50 สตางค์ หลบหนีลอยนวล ล่าสุดตำรวจจับแล้ว อ้างหาเงินใช้หนี้ ขณะที่สามีและแม่ย่าคนก่อเหตุเดินทางมาโรงพักติดต่อขอรับรถคืนยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้านสามีลั่น ขอเลิกเด็ดขาด เตือนหลายครั้งไม่ฟัง แฉซ้ำนิสัยลักเล็กขโมยน้อยตลอด และชอบโกหก
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนางสง่า แวะศรีภา อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 บ้านโนนสวรรค์ หมู่5 ต.หนองกุงธนสาร อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น นำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรที่ติดตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้าน ที่บันทึกภาพนาทีที่คนร้ายเป็นหญิงสาว สูงประมาณ 160 ซม. ผิวดำแดง ผมสั้น สวมเสื้อคอกลมลายดำแดง กางเกงขาสั้นสีดำ สวมรองเท้าแตะสีขาว สะพายกระเป๋าสีดำคาดบ่า เดินตรงเข้ามาภายในบ้าน ในขณะที่นางสง่า เจ้าของบ้านที่สวมเสื้อสีแดง กำลังนอนหลับและหันหลังให้กล้องวงจรปิด เมื่อสบโอกาสคนร้ายได้เดินเข้าไปหยิบเอากระเป๋าสะพายสีเหลืองของเจ้าของบ้าน แล้วรีบวิ่งออกจากบ้านไป โดยมีสุขนัขของเจ้าของบ้านวิ่งเห่าตามหลังไปติด ๆ ก่อนที่คนร้ายจะขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ล้อแม็คสีดำ ออกไป ซึ่งทันทีที่สุนัขส่งเสียงเห่า หญิงเจ้าของบ้านได้ตื่นนอนและหันมาดูบริเวณหน้าบ้าน แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะคนร้ายได้หลบหนีไปพร้อมกับกระเป๋าที่ข้างในมีเงินสดอยู่ประมาณ 38,000 บาท พร้อมกับแหวนทองคำ น้ำหนัก 6 สลึง รวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้ว พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และเงินสดจำนวนหนึ่งที่เหลืออยู่ โดยสามารถแกะรอยคนร้ายจากเส้นทางหลบหนี จนกระทั้งทราบว่า ไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นางสาวอลิศรา(สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่6 ต.ขนวน อ.หนองนาคำ จ.ขอนแก่น ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น
พ.ต.อ.คารม พรมคุณ ผกก.สภ.ภูเวียง กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งความจากผู้เสียหาย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามตัวคนร้าย โดยมีการแกะรอยจากภาพวงจรปิด และรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จนกระทั้งทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุคือหญิงสาวรายหนึ่งที่มาเป็นลูกสะไภ้ของชาวบ้านที่อยู่ติดกับบ้านโนนสวรรค์ หมู่5 ต.หนองกุงธนสาร อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น บ้านของนางสง่า ผู้เสียหาย โดยชาวบ้านต่างจำรูปพรรณของคนร้ายได้เป็นอย่างดี จึงได้ทำการแกะรอยติดตามตัว จนกระทั้งสืบทราบว่า คนร้ายไปเช่าห้องพักอยู่ภายในรีสอร์ตแห่งในพื้นที่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น จึงนำกำลังเข้าควบคุมตัวได้พร้อมของกลาง ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน เงินสด จำนวน 1,500 บาท โทรศัพท์ ยี่ห้อไอโฟน 1 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก 1 เล่ม
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของแม่ย่า เพื่อที่จะไปทำธุระต่างหมู่บ้าน โดยขากลับได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าบ้านของนางสง่า จึงมองไปเห็นนางสง่านอนหลับอยู่ จึงจอดรถห่างจากบ้านของนางสง่าไปประมาณ 5 เมตร จากนั้นจึงเดินเข้ามาภายในบ้าน แล้วเข้าไปหยิบเอากระเป๋าที่วางอยู่ปลายเท้าของนางสง่า ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง แล้ววิ่งมาขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยเงินที่ได้ไปได้นำไปใช้หนี้การพนันและเล่นการพนัน ส่วนแหวนทองคำ น้ำหนัก 6 สลึง ก็ได้นำไปจำนำที่ร้านรับจำนำในพื้นที่ อ.ชุมแพ แล้วนำเงินมาเที่ยวและซื้อของแบรนด์เนมมาใส่ เพราะผู้ก่อเหตุมีนิสัยเป็นคนชอบใช้ของแพง แต่เงินที่นำไปซื้อส่วนใหญ่ก็ได้มาจากการลักเล็กขโมยน้อย หยิบฉวยทรัพย์มีค่าของคนอื่น รวมทั้งของคนในครอบครัวไปขายแล้วนำเงินมาซื้อของใช้ต่าง ๆ เบื้องต้น พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยใช้ยานพาหนะ” ก่อนจะควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในเวลาต่อมา นางหมวย (ขอสงวนชื่อ-นามสกุลจริง) แม่ย่า และนายปิ๊ก (ขอสงวนชื่อ-นามสกุลจริง) สามีของ น.ส.อลิศรา ได้เดินทางมายัง สภ.ภูเวียง เพื่อเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทั้ง 2 คน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับก่อเหตุของ น.ส.อลิศรา และต้องการมาติดต่อขอรับรถจักรยานยนต์คืน เนื่องจากรถจักรยานยนต์ที่ น.ส.อลิศรา ใช้ก่อเหตุ เป็นรถจักรยานยนต์ของนางหมวย ที่เพิ่งซื้อดาวน์มา และเพิ่งจะส่งงวดได้เพียง 5 งวดเท่านั้น
นายปิ๊ก (ขอสงวนชื่อ-นามสกุลจริง) สามีของ น.ส.อลิศรา กล่าวว่า ตนเองและ น.ส.อลิศรา เพิ่งจะคบหากันได้ไม่ถึงปี ในช่วงที่คบหากันตนเองก็ทราบว่า น.ส.อลิศรา มีนิสัยชอบเล็กเล็กขโมยน้อย และชอบโกหก ซึ่งตนเองก็เคยสั่งสอนว่า ให้เลิกนิสัยแบบนี้ แต่ก็ยังมีพฤติกรรมแบบเดิมเรื่อยมาจนตนเองและแม่เริ่มเอือมละอา โดยในวันเกิดเหตุ ตนเองและแม่ ออกมาทำงานนอกหมู่บ้าน ซึ่งตรงกับวันที่ น.ส.อลิศรา หยุดงานพอดี เมื่อไม่มีคนอยู่บ้าน น.ส.อลิศรา จึงได้แอบเอารถจักรยานยนต์ของแม่ไปใช้โดยไม่บอก จนกระทั้งตกค่ำมาก็มีตำรวจมาที่บ้าน แจ้งว่า ภรรยาของตนเองไปก่อเหตุลักทรัพย์ของชาวบ้าน ตนเองจึงพยายามโทรหา น.ส.อลิศรา แต่ไม่รับสาย แต่พอทักแชทหากลับตอบแชท แต่ไม่ยอมบอกว่าอยู่ไหน ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ ตนเองตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า จะเลิกรา กับน.ส.อลิศรา อย่างเด็ดขาด ไม่ขอเอาภรรยาคนนี้กับคืน ต้องการเพียงรถจักรยานยนต์ของผู้เป็นแม่กลับคืนเท่านั้น/////////////
Leave a Response