ขอนแก่น-พ่อแม่ลูกถูกหลอกออมทองตามใช้หนี้ร่วม2ล้านให้คนโกง พบหลอกแม้กระทั่งพระ

0703-003

พ่อแม่ลูก ชาว อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ต้องตามชดใช้หนี้สินร่วม 2 ล้านบาทให้กับคนโกง หลอกเอาเงินร่วมลงทุนผ่อนทอง แล้วใช้ความเชื่อใจให้ไปหลอกญาติพี่น้องจนเป็นหนี้ต้องจ่ายเงินกว่า 1.5 ล้านบาท หลอกให้ไปหาหยิบยืมเงินญาติพี่น้องและชาวบ้านใกล้เรือนเคียง ไม้เว้นแม้กระทั่งเจ้าอาวาสวัดในหมู่บ้านโดนด้วยกว่าครึ่งแสน

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 4 กรกฏาคม 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับนางสงกรานต์ สุวรรณวงษ์ อายุ 50 ปี ที่บ้านเลขที่ 310 ม.2 บ้านหนองทุ่ม ต.วังหินลาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น หลังจากหมดหนทางในการหาเงินมาใช้หนี้ ที่ลูกสาว ต้องเป็นหนี้แต่ไม่ได้ใช้เงิน และบ้านก็กำลังจะถูกยึด ต้องการปลดหนี้บ้านที่คงเหลืออีกแสนกว่าบาท

นางสงกรานต์ สุวรรณวงษ์ เปิดเผยว่า แนน หรือ นางสาวไอลดา ศิริเวช อายุ 30 ปี ลูกสาว ซึ่งเคยมีอาชีพขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด แต่เมื่อปี 2563 ลูกสาวได้รู้จักกับคนชื่อหนิง ชาวจังหวัดเลยทางเฟชบุ๊ก หนิงชวนลูกสาวมาร่วมทำธุรกิจออมทอง ลูกสาวจึงได้ชักชวนคนรู้จักนำเงินมาร่วมออมทองกับหนิง ช่วงแรกๆก็ได้ทอง แต่ระยะหลังหนิงขาดสภาพคล่อง จึงได้ยืมเงินกับลูกสาว และให้ลูกสาว กู้เงินให้ หนำซ้ำหนิงยังให้ลูกสาวไปรับลูกหลานที่จังหวัดเลยมาอยู่ที่บ้านด้วยเกือบเดือน ลูกสาวใช้เงินสดตัวเองหมด จึงได้ยืมเงินจากญาติพี่น้อง รวมทั้งเอารถยนต์ไปเข้าไปแนนซ์ 3 คัน และเอาโฉนดที่ดินที่เป็นชื่อแม่ไปจำนองกับบริษัทเงินกู้ รวมแล้วกว่า 1,500,000 บาท

นอกจากนี้ชาวบ้านที่นำเงินมาให้ลูกสาวในการร่วมออมทอง เขาไม่ได้ทอง ก็มาทวงเงินคืน ลูกสาวได้ติดต่อกับคนชื่อหนิงให้นำเงินที่ร่วมออมทองมาคืนชาวบ้าน แต่หนิงไม่มี หนิงยังบอกว่า ขายสวนยางและขายที่ดินได้จะเอามาคืนทั้งหมด แต่ก็ยังไม่นำมาคืนแม้แต่บาทเดียว สุดท้ายลูกสาวต้องหาเงินมาคืนชาวบ้านเอง โดยไปยืมเงินหลวงตาที่เป็นเจ้าอาวาสวัดมาใช้หนี้ และอยู่บ้านไม่ได้ จนต้องหนีเข้าไปทำงานในกรุงเทพฯมาจนถึงทุกวันนี้ พ่อกับแม่ต้องรับจ้างหาเงินมาส่งบริษัทเงินกู้ที่จำนองที่ดินบ้านเอาไว้ สงสารลูกที่ถูกคนชื่อหนิงหลอกลวงทั้งเรื่องออมทอง และเรื่องกู้เงิน และอยากปลดหนี้ให้ลูก เพราะกลัวถูกยึดบ้าน

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับ พระอธิการ ช่วย จิตตินาโน เจ้าอาวาสวัดปทุมพร บ้านหนองทุ่ม ต.วังหินลาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ซึ่งพระช่วย กล่าวว่า เมื่อประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา หลานสาวชื่อแนนมายืมเงินจำนวน 60,000 บาท โดยบอกว่ายืมไปช่วยเพื่อน และเพื่อนจะนำมาคืนให้ แต่ทุกอย่างก็เงียบหายไปจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้เงินคืน

ขณะเดียวกัน แนน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า เมื่อปี 63 หลังจากเห็นหนิงโพสต์ออมทองในโซเชียล จึงสนใจเข้าไปคุย ก็ได้สมัครเป็นตัวแทน ก่อนจะมีการเปิดรับลูกค้าโดยให้วางเงินดาวน์ก่อน แล้วรับทองไปผ่อนต่อ ซึ่งทำมาเรื่อยๆ และได้มีโอกาสไปที่บ้านพร้อมตัวแทนคนอื่นๆ โดยรอบแรกที่ทำและเอาทองมานั้นได้จริง จนตนเองกลายเป็นตัวแทนรายใหญ่ของหนิง ซึ่งมีลูกค้ามาวางเงินดาวน์ถึง 400,000 บาท หลังจากนั้นมาตั้งแต่ ก.ค. ส.ค.63 เริ่มไม่ได้ทอง ก็จึงมีการสอบถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นข้ออ้างเหตุผลต่างๆนาๆ ซึ่งก็รอแล้วรออีก ทั้งตามไปหาที่ กทม. ก็ได้คำตอบเพียงว่าบริษัทมีปัญหาทำให้ยังไม่สามารถเอาทองให้ได้ แต่ลูกค้าที่วางเงินดาวน์ผ่อนทองนั้นไม่รอ ก็เข้ามาทวงถามกับตนเองอยู่ตลอดเวลา ตนเองจึงหาเงินมาคืนก่อนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น เพราะหวังจะได้เงินคืนจากหนิง ซึ่งตนนั้นทั้งเครียดและท้อง ถูกนำไปโพสต์ด่าโพสต์ประจาน จึงตัดสินใจเอาเงินตัวเองที่มีคืนคนอื่นไปจนหมดแต่ก็ยังจ่ายคืนไม่ครบทุกคน

จากการพูดคุยกับหนิง หนิงบอกว่าทำเองเพราะอยากทำ แต่ยังไม่ได้เงิน และช่วงที่มีปัญหาไม่ได้ทอง ลูกค้าของหนิงก็ตามมาทวงถึงที่บ้านที่ จ.เลย พร้อมทั้งรวมตัวจะเข้าแจ้งความ แต่ทราบอีกครั้งว่าไม่ได้เข้าแจ้งความแต่พากันรวมตัวเข้าไปยึดทรัพย์สินของหนิงมาใช้หนี้แทน แต่ตนเองไปไม่ทันจึงไม่ได้ทรัพย์สินอะไรสักอย่าง และมีลูกค้ารายหนึ่งแจ้งความเอาไว้ด้วย ทำให้หนิงไม่สามารถเข้าบ้านได้ ก็โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือให้ไปรับหลานกับน้องจากบ้านไปอยู่ด้วยเพราะเดือดนร้อนโดนทวงหนี้ ก่อนที่หลานกับน้องของหนิงจะมาอาศัยอยู่ที่บ้าน 15 วัน และก็เห็นว่าหาเงินทยอยคืน พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า กำลังทำเรื่องที่ดินอยู่ เงินทุกคนที่ดาวน์ทองมาเอาเงินมาทำเรื่องที่ดินเพราะจะได้มรดกจากย่า และจะนำมาคืนหลังจากได้เงินมรดก แต่ขอให้ตนเองช่วยจ่ายคนอื่นๆให้ก่อน ตนเองก็บอกว่าไม่มีเดือดร้อนเหมือนกัน เพราะคืนเงินดาวน์ไปหมดแล้ว ทั้งยังกู้หนี้ทั้งบัตรเครดิตทั้งหยิบยืมมา ซึ่งหนิงก็ยืนยันว่าจะคืนหลังจากได้เงินมรดกเรื่องที่ พร้อมบอกอีกว่าจะต้องนำเงินไปจ่ายให้ผู้พิพากษาประมาณ 8 หมื่น ซึ่งตนเองบอกไม่มีเพราะว่าท้องและไม่ได้ทำงาน จึงสนใจทำงานเรื่องผ่อนทอง แต่ตนเองก็ได้แนะนำให้รู้จักกับน้าที่ จ.ระยอง น้าเป็นคนมีเงิน ซึ่งหนิงก็ขอร้องให้พาไปยืมเงิน โดยเอารถมาจอดจำนำไว้ โดยนัดกันที่ศาล จ.ระยอง ก่อนจะพากันไปหาน้า โดยทำสัญญากันพร้อมทั้งไม่ให้จอดรถเพราะเชื่อใจหลาน ก่อนจะจ่ายเงินให้ 8 หมื่น แต่ได้เงินไปเท่านั้นยังไม่พอ อ้างว่าต้องใช้เงินเกี่ยวกับทำเรื่องที่ดินในชั้นศาล โดยขอยืมเพิ่มอีกต้องขึ้นศาลที่เมืองเลย เพราะต้องจ่ายอีกประมาณ 2 แสนกว่าบาท ก่อนที่หนิงจะโทรไปยืมน้าเอง น้าจึงขอความมั่นใจว่าทำอาชีพอะไร มีเงินจากไหนมาคืน ก่อนจะตกลงกันให้เงินโดยให้แฟนตนเองขับรถมาหาด้วยเพื่อความมั่นใจ ก่อนที่จะเจอกันแล้วโอนเงินเข้าบัญชีของหนิงจำนวน 2 ยอด ยอดและ 1 แสน 5 หมื่น กว่าบาท ยอดที่สองอีก 6 หมื่นกว่าบาท พอได้เงินแล้วก็บอกจะขึ้นมาทำเรื่องที่ กทม. พอตกกลางคืนบอกไปขึ้นศาลไม่ได้เพราะเกิดอุบัติเหตุและอ้างเหตุผลต่างๆนาๆ สุดท้ายมารู้ตัวอีกทีโอนเงินไปให้หนิงรวมกว่า 1 ล้าน 5 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินตนเองด้วย ญาติๆและชาวบ้านที่สนใจเป็นลูกค้าด้วย จนตอนนี้ไม่สามารถติดต่อหนิงได้อีกเลย

ก่อนหน้านี้เข้าไปแจ้งความที่ สภ.ชุมแพ แต่ตำรวจบอกว่าต้องรวมคนถึง 20 คน ถึงจะเป็นคดีได้ ตนเองจึงไม่ได้ทำอะไรต่อ เพราะไม่สามารถรวมผู้เสียหายได้ และอีกทางคือต้องจ้างทนายทำเรื่องให้ ซึ่งตนเองไม่มีเงินแล้วจึงจำใจชดใช้หนี้มานานร่วม 3 ปี แล้ว โดยแต่ละเดือนต้องหาเงิน 4 – 5 บาทตามใช้หนี้กับเจ้าหน้าที่ทั้งในระบบนอกระบบ ตอนนี้ยังมีลูกค้าตามทวงอยู่ตลอด จนต้องเดินทางเข้า กทม.เพื่อหาเงินให้ได้มากกว่านี้ โดยไปรับจ้างรายวันและอาศัยกับน้องสาวเพื่อหาเงินใช้หนี้แทนหนิงให้หมด

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง