ขอนแก่นยาย77ปีสุดรันทดตาบอดอยู่ลำพังกับสุนัข

IMG_7689

วอนช่วยเหลือ ยายหนูนา วัย 77 ปี อยู่ลำพังกับสุนัขข้างกาย ตาบอดถือถังเปล่าแกว่วงมทางไปตักน้ำในสระมาใช้ หุงหาอาหารแบบงมๆซาวๆ สัมผัสอาหารถ้าเปื่อยแปลว่าสุก มีหลานสาวหลานชายอยู่ในวัยเรียนปู่ย่ามารับไปดูแล โดยหลานชายแวะเอาข้าวเอาเงินมาให้บ้างแต่ไม่สามารถดูแลได้ ข้าวของที่ได้มาจากการช่วยเหลือโดนขโมยเกลี้ยงไม่เว้นแม้แต่ฟืนก่อไฟ

เมื่อเวลา 11.00 .วันที่ 25 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของนางหนูนาคะนึงนึก อายุ 77 ปี ที่บ้านเลขที่ 97 .1 บ้านนาดอกไม้ .หนองบัว .บ้านฝาง.ขอนแก่น หลังจากมีโลกโซเชียลมีการโพสต์ภาพยายตาบอดนอนอยู่หลังบ้าน และอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวเพียงลำพัง ลูกหลานไม่ได้ดูแล

ซึ่งขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปนั้นก็พบยายหนูนา กำลังเดินไปตักน้ำในหนองน้ำหลังบ้านด้วยความลำบาก ต้องใช้ถังแกว่งหาเส้นทางที่ไม่มีอะไรขวาง และใช้การจดจำในเส้นทางว่าสิ่งกีดขวางต่างๆนั้นอยู่ตรงไหน ขณะที่บ่อน้ำมีความลึกประมาณ 5 เมตร ยายหนูนาต้องใช้ถังน้ำกระแทกกับไม้ที่ปักอยู่ข้างทางเดิน เพื่อค่อยๆลงไปตักน้ำ ซึ่งจะค่อยๆใช้เท้าเดินลงทีละข้าง โดยเท้าขวาจะเป็นเท้านำหากยื่นไปเจอน้ำแสดงว่าต้องหยุดและสามารถตักน้ำได้ จากนั้นยายหนูนาก็ตักน้ำแล้วหิ้วไปเทที่โอ่งที่ตั้งอยู่บริเวณครัวหลังบ้าน โดยแต่ละวันยายหนูนาบอกว่าต้องตักน้ำวันละ 2-3 ถังต่อวันจึงจะเพียงพอ

ส่วนความช่วยเหลือเรื่องน้ำนั้น มีหลายคนนำน้ำมาให้แต่ก็ถูกขโมยไปจนหมด พร้อมกันนี้ ยายหนูนายังได้ก่อไฟอุ่นข้าวเหนียวรับประทานอาหารเช้า ซึ่งยายหนูนาต้องใช้วิธีใช้งมหาสิ่งของเชื้อเพลิงสำหรับจุดไฟมาใช้ โดยมีไฟแช็กที่พกติดกระเป๋าห้อยคอตลอดเวลา นำมาจุดไฟอย่างยากลำบาก และยายหนูนาบอกว่า วิธีจะรู้ว่าอาหารสุกไม่สุกจะต้องจับดูว่าเปื่อยหรือยัง หากยังไม่เปื่อยก็จะรอเวลาอีก หากเปื่อยแล้วก็แปลว่าสุกสามารถกินได้

นางหนูนา  เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เคยมีสามี และมีลูกสาว 1 คน แต่เมื่อหลายปีก่อนสามีทิ้งไปมีเมียน้อยที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และเสียชีวิตไปแล้ว  ส่วนลูกสาวติดยาบ้า และเกิดอาการป่วยแล้วเสียชีวิตที่รพ.เมื่อปี 2562  ซึ่งลูกสาวมีบุตรสองคน คนโตเป็นผู้ชายอายุ 21 ปี ส่วนหลานคนที่ 2 เป็นผู้หญิงเรียนอยู่ชั้น .4  และเมื่อปี 2562 ได้ก่อไฟนึ่งข้าวเหนียวไว้แล้วไปเก็บฟืน ทำให้ไฟไหม้บ้านทั้งหลัง จากนั้นเทศบาลตำบลหนองบัวก็มาสร้างบ้านหลังปัจจุบันให้อยู่อาศัย  ส่วนหลานสองคนปู่ย่ามารับกลับไปเลี้ยงดู ส่วนลูกเขยก็กลับไปอยู่กับพ่อแม่

ยายป่วยเป็นโรคหอบหืด และโรคเบาหวาน ได้ 7 ปีแล้ว ไปรักษาตัวและรับยาจากรพ.บ้านฝางมากินตลอด ขณะนี้หมอนัด 3 เดือนครั้ง  แต่เมื่อสองปีที่ผ่านมา อยู่ๆตาข้างขวาก็มืดมิดมองไม่เห็น ไปหาหมอ หมอแจ้งว่า เกิดจากภาวะความเครียด รักษาไม่หายต่อมาข้างซ้ายก็พลอยบอดไปด้วย มองไม่เห็นอะไรเลย อยู่กันที่บ้านเพียงคนเดียวหลานชายรับจ้างทำงานกลางคืน แวะเอาอาหารเอาข้าวและเงินมาให้บ้าง ส่วนหลานสาวไม่ได้มาเพราะต้องเรียนหนังสือ

ยายหนูนา กล่าวทั้งน้ำตาว่า สิ่งของที่มาชาวบ้านเอามาให้ทั้งอาหาร ข้าวและน้ำดื่ม วางไว้ในบ้าน ก็มีขโมยเข้ามาเอาไปจนหมด  ส่วนที่นาที่มีทั้งหมด 8 ไร่อยู่หลังบ้าน ได้ทำพินัยกรรมมอบให้หลานทั้งสองคน และในแต่ละปีเพื่อนบ้านมาเช่าทำนา และเอาข้าวมาแบ่งให้กิน จึงมีข้าวกิน  และในแต่ละวันจะออกไปหาเก็บเศษไม้ในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อเอามาทำฟืนเอาไว้ก่อไฟนึ่งข้าวเหนียวกิน  เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาออกไปหาฟืนแล้วหาทางกลับบ้านไม่ได้ อยู่ในป่าจนถึงเช้า กระทั่งมีเสียงสุนัขชื่อเจ้าดำเห่า จึงตัดสินใจคลานมาตามเสียงสุนัข จนกลับถึงบ้าน ส่วนอาหารนั้นจะมีพ่อค้ารถพุ่มพวงที่ตระเวนขายในหมู่บ้านแวะเอาอาหารมาให้ทุกเช้า จึงพอมีอาหารกินในทุกๆวัน ตอนนี้สิ่งที่กังวลใจและกลัวคือ กลัวคนที่คิดว่าตนมีสมบัติ มาชิงทรัพย์ มาทำร้าย เพราะที่ผ่านมามีคนร้ายเข้ามาลักเอาข้าวในบ้าน ลักเอาฟืนและน้ำดื่มไป  อยากให้หน่วยงานมาช่วยเหลือบ้าง

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง