ตลาดหุ้น กับ การเมือง : วัดใจ เชิงจิตวิทยา

ตลาดหุ้น กับ การเมือง : วัดใจ เชิงจิตวิทยา
ปะจัน” โดย “เขี้ยวจัน

ที่นี่….ไม่ใช่คอลัมน์ร้องทุกข์ แต่เป็น การสังคมอุดมปัญญา ลุกขึ้นมา “ทวงสิทธิ” ของการเป็นพลเมืองผู้ตื่นรู้ เจ้าของคะแนนเสียงที่เลือก “ตัวแทน” ในทุกระดับ ของการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารบ้านเมือง ด้วยข้าราชการ “ตัวแทน” จากส่วนกลาง ทุกกระทรวง ทบวง กรม…[ หน้ารวมบทความ ปะจัน ]

คนจน เล่น หวย ….. คนรวย เล่น หุ้น อาจฟังเชยไปล่ะ…..

เพราะยุคแห่งความเท่าเทียม คนรวย คนจน ทำอะไรก็ได้ ตามที่ชอบใจ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ดังนั้นผลกระทบ จึงเป็นวงกว้าง ประดุจ ระลอกคลื่น ที่ปะทะเข้าฝั่ง ลูกแล้ว ลูกเล่า ไม่หยุด เหมือนทะเลไม่เคยหลับไหล โลกใบนี้เล็กลง เรื่องดี เรื่องร้าย เจอกันทุกคน ไม่เว้น เศรษฐี ยาจก ดู อย่าง โควิด-19 ปะไร…..

ตอบคำถาม ที่หลายคน อาจ “คาใจ” ว่า “ตลาดหุ้น” ไปเกี่ยวอะไร กับ “การเมือง” เลือกตั้ง จบแล้ว ก็จบกัน ใช่ไหม หุ้นตก …อย่าได้มาโทษ การเมือง เชียวนะ…

มีคำอธิบาย ง่าย สั้น ว่า “ตลาดหุ้น” เป็น ตลาดแห่ง “จิตวิทยาการลงทุน” ขายอนาคต ขายความหวัง หวังว่า จะมีส่วนต่างของราคาหุ้นที่ซื้อ และหุ้นที่ขาย ว่า (ต้อง) ได้กำไร และรับ “เงิน หรือ หุ้น ปันผล” เมื่อยามปลายปี

นี่เป็น “ความคาดหวัง” ของนักลงทุน โดยมีข้อแม้ เรื่อง “ความเสี่ยง” ที่ต้องยอมรับกันได้ ไม่มีใครบังคับให้ คุณล้วงเงินออกจากกระเป๋าได้ ใช่ไหม ส่วนใหญ่ คือ การยินยอม พร้อมรับความเสี่ยง เป็นการ บริหาร “ความโลภ” ของตัวเอง

จิตวิทยาการลงทุน” จึงเป็นคำอธิบาย ความคิด ของคน “หมู่มาก” หากคิดเหมือนกันแบบไหน ทิศทางที่จะเกิดขึ้น ก็มีแนวโน้มเป็นแบบนั้นแหละ

แต่จะมีใคร ไม่กี่คน ที่ “อดทน-ใจแข็ง” พอที่จะซื้อหุ้น ตอนหุ้นตก ที่เขาเรียกกันพอ ขำๆ ว่า เข้าช้อนซื้อ จน “ช้อนหัก” ไงล่ะ….

อารมณ์ของ ตลาดหุ้น จึงอ่อนไหว ไปกับทุกเรื่องราว ที่เป็น “ข่าวร้าย” และ “ข่าวดี” ในทิศทางเดียวกัน จะมี ใคร สักกี่คน ที่จะ “ตัดใจ-ขายหุ้น” ในวันที่หุ้นขึ้นพีค สุดๆ แบบลิงโลดใจ เพราะมักแต่มีคนจะ ซื้อตาม เพราะ กลัว “ตกรถ” จึงมีอาการข้างเคียงตามมา คือ “ติดดอย”

เป็น คำอธิบาย ของ “จิตวิทยาการลงทุน” แบบความไม่แน่นอน ของการเมือง ในการฟอร์มรัฐบาล เช่นกัน ตราบใด ที่พวกเขา ยังตกลง “แบ่งเค้ก” กระทรวง ประธานสภา กันไม่ลงตัว ความอ่อนไหว จึงมาเยือนตลาดหุ้น เย็นๆ จับขั้วหัวใจ แบบแอร์เบอร์ 5 ไม่มีความเย็น เลยล่ะ…..

โดยเฉพาะ คำตรงๆ คำแรงๆ อย่าง “ทลาย ทุนผูกขาด” ส่งผล ให้ หุ้นใหญ่ ที่มีมูลค่าการตลาดสูง หุ้นที่มีสัมปทาน กับ ภาครัฐ  ราว 46 บริษัท ในตลาดหุ้นไทย  พาเรด  “ช้อก” ดึงดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ร่วง จาก 1,561 จุด เมื่อ 12 พฤษภาคม-ก่อนเลือกตั้ง เมื่อ 14 พค. มาปิดล่าสุด เมื่อ 26 พค หรือราว 2 สัปดาห์ ที่ 1,530 จุด ด้วย มูลค่าการซื้อขาย อ่อนตัวลงมา ไม่คึกคัก หงอยไปตามๆกัน

อะไร ที่ “ไม่ แน่นอน” ตลาดหุ้น “ไม่ชอบ”

ตลาดหุ้น  “มีขาว” และ “มีดำ” ตามสัจจะธรรม ของ “หยิน-หยาง” ใช้ด้านดี มาพัฒนา เป็นแหล่งระดมทุน นำเงินทุนมาพัฒนาประเทศชาติ ส่วนด้านมืด ต้องช่วยกันเตือนภัย อย่าให้ “โจรเสื้อนอก ” มีที่ยืน และที่สำคัญ เราต้องบริหารความโลภ อย่างเข้มๆ

ตลาดหุ้น กับ การเมือง จึงแยกกันไม่ออก ด้วยประการนี้…..

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง