ขอนแก่น สลด เก๋งชาวต่างชาติชนกับกระบะตาพาหลานสาวไปสอบตาย2สาหัส2

F18DAD5A-0A81-4F5E-A304-8C54EA6F65AB

อุบัติเหตุสลด เก๋งชาวต่างชาติมากับแฟนสาวชาวไทย ชนกับกระบะคุณตากำลังพาหลานสาวไปสอบ ก่อนจะถึงโรงเรียนเพียง 2 กม. คนขับชายชาวต่างชาติและภรรยาชาวไทยเสียชีวิตคาที่ติดภายใน ส่วนคุณตาและหลานสาวบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งโรงพยาบาล

[ ชมคลิป ]

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 ม.ค.2566 เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากสมาคมกู้ภัยเมืองพล จ.ขอนแก่น นำเครื่องมือตัดถ่างงัดร่างชาวชาวต่างชาติและแฟนสาวชาวไทย ซึ่งเสียชีวิตติดอยู่ในซากรถเก๋ง โตโยต้า อัลติส สีขาว หมายเลขทะเบียน ฏศ 1527 กทม. มีชายชาวต่างชาติ ไม่ทราบสัญชาติ อายุประมาณ 45-50 ปี เป็นคนขับ และมีหญิงชาวไทยคาดว่าเป็นแฟนสาว ทราบชื่อบัตรประจำตัวประชาชนคือ นาง รัตน์ดี เขตวิจารย์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.4 ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ เสียชีวิตติดซากรถทั้งคู่ หลังเกิดอุบัติเหตุชนกับรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนด์ทอง หมายเลขทะเบียน ผท9577 ขอนแก่น พบผู้บาดเจ็บเป็นคุณตาอายุประมาณ 60 ปี ยังมึนงงกับเหตุการณ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ในรถกระบะมีหลานสาวของคุณตา เป็นนักเรียนหญิงชั้น ม.4 ได้รับบาดเจ็บสาหัสหายใจรวยรินอยู่เบาะนั่งข้างคนขับ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบริเวณทางโค้งสะพานบ้านหนองไผ่ ต.ลอมคอม อ.พล จ.ขอนแก่น บนถนนสาย แวงน้อย-พล โดยชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า คุณตาวัย 60 ปีที่ได้รับบาดเจ็บเล่าให้ฟังเบื้องต้นบอกว่า เป็นคนขับรถกระบะจะพาหลานสาวไปสอบที่โรงเรียนมัธยมในตัว อ.พล ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กม. ก็จะถึงที่สอบแล้ว ระหว่างทางเป็นทางโค้งคาดว่ารถเก๋งซึ่งมีชาวต่างชาติเป็นคนขับอาจจะไม่ชินทางหรือขับมาด้วยความเร็วแล้วแซงคันหน้าขึ้นไปไม่พ้นจึงทำชนเข้ากับรถกระบะของคุณตาที่วิ่งมาจากทางอ.แวงน้อยเข้าอย่างจัง จนรถเก๋งชายชาวต่างชาติจะหมุนกลับหันหน้าไปทางตรงข้าม ทำให้มีผู้เสียชีวิตติดภายในรถ 2 รายคือชายชาวต่าวชาติและหญิงที่คาดว่าเป็นแฟนที่นั่งข้างมาด้วย ส่วนรถกระบะมีคุณตาเป็นคนขับได้เจ็บสาหัส และมีหลานสาวชั้น ม.4 ที่นั่งมาด้วย ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

ภายหลังรับแจ้ง ร.ต.อ.ผจญ ทีเหล็ก รอง สว.(สอบสวน)สภ.พล ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมบันทึกภาพลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ก่อนจะมีการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง