เมื่อเร็วๆนี้ ที่สำนักงานศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ดร.จันเพ็ง สุดทิวง รองประธานศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาติ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาติ ร่วมรับมอบรถพยาบาล จาก นายสุเมธ กองพัฒนากูร ประธานกรรมการบริหาร บ.ซี เค ชูส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บ.ซีเคแอล สปป.ลาว, นายกวิน วิริยพานิชย์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการพณิชย์) ประเทศไทย ประจำ สปป.ลาว, นายเข็มชาติ สมใจวงษ์ ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้า จ.ขอนแก่น และคณะกรรมการบริหาร บ.ซี เค แอล สปป.ลาว ตามความร่วมมือร่วมระหว่างหน่วยงานในการให้การสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชน ในระดับพื้นที่ โดยมีผู้บริหารจากทั้ง 2 ฝ่าย และสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยานอย่างพร้อมเพรียง
ดร.จันเพ็ง สุดทิวง รองประธานศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาติ กล่าวว่า ขอขอบคุณคณะนักธุรกิจจากประเทศไทย และ จาก จ.ขอนแก่น ในนามของ บ.ซี เค ชูส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บ.ซี เค แอล สปป.ลาว ในการส่งมอบรถพยาบาลฉุกเฉินที่ทันสมัยให้กับสำนักงานฯ เพื่อนำไปส่งมอบต่อให้กับแขวงที่มีความจำเป็นและขาดรถพยาบาลฉุกเฉินในงานด้านสาธารณสุขในระดับพื้นที่ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายวัตถุประสงค์ในการส่งมอบในการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ที่ยังขาดแคลนและให้ความช่วยเหลือประชาชนชาว สปป.ลาวได้อย่างรวดเร็ว และด้วยเครื่องที่มีมีมาตรฐาน
ขณะที่ นายสุเมธ กองพัฒนากูร ประธานกรรมการบริหาร บ.ซี เค ชูส์ (ประเทศไทย)จำกีด และ บ. ซี เค แอล สปป.ลาว กล่าวว่า ด้วยความร่วมมือที่เกิดขึ้นร่วมระหว่าง บริษัทฯ ที่ได้ประสานและขอรับคำแนะนำจาก กลุ่ม บริษัท พงสะหวัน กรุ๊ป แห่ง สปป.ลาว ในการที่ บริษัทฯ จะขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความช่วยเหลืองานด้านสาธารณะสุขในแขวงทีขาดแคลน จนนำมาสู่การสนับสนุนรถพยาบาลฉุกเฉินจำนวน 1 คัน มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งนอกจากตัวรถที่มีระบบการใช้งานที่ทันสมัยแล้ว ยังคงมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉินในรูปแบบต่างๆ ที่มีการบรรจุอยู่ในรถ เพื่อส่งมอบให้กับแผนกงานด้านสาธารณสุขตามที่ ศูนย์กลางแนวลาวสร้างชาติ กำหนด ซึ่งการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ และการทำประโยชน์ให้กับชุมชนและสังคมรอบโรงงานนั้น บริษัทฯ จะยังคงดำเนินงานอย่างต่อเนื่องต่อไปภายใต้กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และนโยบายของรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว
“บ .ซี เค แอล จำกัด ได้จัดตั้งที่ สปป.ลาว ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 10 ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรองเท้า ยี่ห้อ ดอกเตอร์มาร์ติน ที่มีฐานกำลังการผลิหลักที่นครหลวงเวียงจันทน์ ปัจจุบัน มีโรงงาน ตั้งอยู่ 2 ที่คือที่ บ.หัวขัว และ ที่ บ.เชียงดา โดยมีการจ้างแรงงานตามกฎหมายของ สปป.ลาว รวมกว่า 3,000 คน กำลังการผลิตสัปดาห์ละ 80,000-85,000 คู่ โดยรองเท้าส่วนใหญ่ส่งจำหน่ายไปในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งรองเท้าทุกคู่ที่ส่งไปจำหน่ายนั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่ที่เจ้าของยี่ห้อกำหนด และมีการตรวจสอบกระบวนการผลิตและขั้นตอนต่างๆอย่างรัดกุม”
นายสุเมธ กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าทักษะฝีมือด้านแรงงานของชาว สปป.ลาว นั้นมีทักษะที่ดีมาก และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรองเท้าทุกคู่ที่ผลิตจาก สปป.ลาว ได้รับการตีตราว่าผลิตจาก สปป.ลาว (Made in Lao) ซึ่งแสดงถึงความภาคภูมิใจที่บริษัทฯได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมด้านอาชีพ ด้านแรงงานและสร้างรายได้กับประชาชนในพื้นที่และชุมชนรอบโรงงานมานานกว่า 10 ปี และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพแรงงานลาวที่ไม่ด้อยไปกว่าใครในโลกจากผลงานการันตี Made in Lao จากบริษัทผู้ผลิตรองเท้ายี่ห้อชั้นนำระดับโลกนี้ อย่างไรก็ตามแผนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมด้านอาชีพ การสนับสนุนการสร้างรายให้กับชุมชนและการทำประโยชน์ให้กับชุมชนและสังคมเป็นแนวทางที่บริษัทฯนั้นได้กำหนดแผนงานไว้ทุกปี ดังนั้นการส่งมอบรถพยาบาลฉุกเฉินและอุปกรณ์ที่ทันสมัย คันแรกคันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมือที่เกิดขึ้นร่วมกันกับทุกผ่าน และทางบริษัทฯจะดำเนินการเพื่อประชาชนและสังคมใน สปป.ลาว อย่างต่อเนื่องต่อไป
Leave a Response