กระทรวงพาณิชย์เร่งช่วยกลุ่มเกษตรกรประชาสัมพันธ์ผ้าไหมมัดหมี่ชนบท จ.ขอนแก่นผ่านทุกช่องทาง หลังได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์คัดสรรให้เป็นสินค้า GI เป็นสินค้าที่มีอัตลักษณ์และมีคุณภาพสูงมีโอกาสเติบโตทั้งในประเทศและสู่สากล

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ที่กลุ่มหัตถกรรมคุ้มสุขโข ที่บ้านดอนข่า ต.ชนบท อ.ชนบท จ. ขอนแก่น นายชาญยุทธ วันดี พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะลงพื้นที่เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่ชนบท GI จังหวัดขอนแก่น เป็น 1 ใน 18 แห่ง สินค้าดี GI อีสานสู่สากล

นายชาญยุทธ วันดี พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่นจับมือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนคร พร้อมผลักดันผ้าไหมมัดหมี่ชนบท GI จังหวัดขอนแก่น เป็น 1 ใน 18 แห่ง สินค้าดี GI อีสานสู่สากล มั่นใจคุณภาพ ผ้าไหมมัดหมี่ชนบท เนื่องจากเป็นผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติด้วยน้ำจุลอินทรีย์ ภูมิปัญญาเป็นชาวบ้าน มาตรฐานเป็นสากล สร้างชุมชนอย่างยั่งยืน โดยกลุ่มหัตถกรรมคุ้มสุขโข บ้านดอนข่าคือชุมชนต้นแบบ เคยได้รับรางวัลชนะเลิศโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ของจังหวัดขอนแก่น พ.ศ.2556 โครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ “อยู่เย็นเป็นสุข” ซึ่งบ้านดอนข่ามีพื้นฐานการพัฒนาชุมชนที่ดี ที่ชัดเจนมีกิจกรรมการพัฒนาหลากหลาย เช่น กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ธนาคารข้าว กลุ่มอาชีพทอผ้าไหม กิจกรรมปลูกผักปลอดสารพิษ เป็นต้น และที่นี่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ “มัดหมี่” เป็นกรรมวิธีในการทอผ้าแบบหนึ่ง ที่อาศัยการย้อมเส้นด้ายก่อนการทอ มีที่ย้อมเฉพาะด้ายยืน ด้ายที่ขึงตามแนวยาว และย้อมเฉพาะด้ายพุ่ง ด้ายอีกชุดหนึ่งที่สอดขัดกับด้ายยืนตามแนวขวาง เมื่อทอเป็นผืนแล้วจะเกิดลวดลายและสีสันตามที่ต้องการ เดิมการมัดหมี่นิยมใช้เส้นไหม แต่ปัจจุบันมีทั้งเส้นไหม ฝ้าย และเส้นใยสังเคราะห์

นายทวี สุขโข ประธานเครือข่ายผู้ประกอบการกลุ่มหัตถกรรมคุ้มสุขโข กล่าวว่า ผ้าไหมมัดหมี่ชนบท เป็นมัดหมี่ที่ตนเองก็ทำลายนพเก้าเฉลิมพระเกียรติซึ่งหลายนพเก้าเฉลิมพระเกียรติจะประกอบไปด้วย 9 ลาย มาจาก 2 ส่วนแรกก็คือมาจากเรื่องราวตำนานเรื่องราวของไลน์มัดหมี่ก็จะประกอบไปด้วย 7 ราย มีขอ มีข้อ มีโคม มีกรง มีกระจับ มีแก้ม มีหมี่ไม้ไผ่ 7 ลายนี้เป็นแม่แบบของมัดหมี่ทั้งปวง และอีก 2 ลายเอามาจากเรื่องราวของเมืองขอนแก่นมหานครขอนแก่น ที่เป็นดินแดนผูกเสี่ยวแห่งเดียวในโลก

“ผมใช้เรื่องราวของงานผูกเสี่ยวที่จัดขึ้นที่มหานครขอนแก่น เมืองแห่งมิตรภาพที่สำคัญที่สุดของโลกเมืองหนึ่งขอนแก่นก็จะมีภูมิปัญญาเรื่องราวของการทำกิจกรรมการปลุกเสี่ยวด้วยการทำพานบายศรีสู่ขวัญที่สวยสุดงดงามมากเป็นงานใบตองและทุกคนของภาคอีสานไม่ใช่เฉพาะขอนแก่นภาคอีสานทั้งภาคจะเรียกพานบายศรีสู่ขวัญนี้ว่าขันหมากเบ่งผมก็เอาเรื่องราวของขันหมากเบ่งมาออกแบบกราฟิกลายเป็นมัดหมี่และเราก็เรียกชื่อลายว่าขันหมากเบ่งเป็นลายที่ 8 และรายที่ 9 มาจากอะไร LINE ที่เข้ามาจากเรื่องราวของการเป็นเมืองชนบทวิบูลย์ชนบทวิบูลย์เป็นชื่อพระราชทานจากพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเราสถาปนาเมืองชนบทพิบูลย์หลังจากการสถาปนา กทม.เพียงปีเดียว ซึ่งมีพ่อเมืองชื่อพระคำพร้าวหรือเพลียเมืองแสนพอได้รับการสถาปนาก็ยกระดับเป็นพระจันทร์ เป็นพ่อเมืองชนบทวิบูลย์คนแรกด้วยตำราด้วยตำนานแล้วเมืองชนบทวิมลเป็นหัวเมืองใหญ่ของส่วนภาคอีสา นตอนกลางแต่มันมีข้อมันมีปัญหาเป็น point ของเมืองชนบทวิบูลย์คือไม่มีอนุสาวรีย์ของพ่อเมืองเลยผมก็เลยต้องเอาเรื่องราวของพ่อเมืองชนบทเข้ามาสู่การสร้างลาย สิ่งที่พ่อเมืองได้รับพระราชทานจากพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกคือผ้าไหมมัดหมี่เป็นประเภทหน้านางซึ่งเป็นผ้ามัดหมี่ราชสำนักประเภทเดียว และก็เครื่องส่งของพ่อเมืองในตัวของข้อมูลชนบทวิบูลย์พระยาจันทประเทศ นี้สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือทัพทรวงของพ่อเมืองเราก็เลยเอาทับทวงของพ่อเมืองเข้ามาสู่ในเรื่องของการออกแบบกราฟิกลายมัดหมี่และให้ชื่อลายว่า ลายจี้เพชร”

นายทวี กล่าวอีกว่า ผ้านพเก้าเฉลิมพระเกียรติ ภาพไหมมัดหมี่ลายนพเก้าเฉลิมพระเกียรติก็ประกอบด้วย 9 ขอครอบโคมกงกระจับดอกแก้วใบไผ่จี้เพชรขันหมากเบ็ง พอทำไปได้สักระยะหนึ่งมีคนอยากค้นหาอยากรู้ว่านพเก้าเฉลิมพระเกียรติจริงๆแล้วเป็นผ้าของจังหวัดอะไร ก็เลยเอาสิ่งที่บ่งบอกตัวตนของเมืองขอนแก่น โดยใช้แคนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางดนตรีเข้าไปประกอบเป็นเรื่องของลายมัดหมี่ แต่ก็ไม่หยุดอยู่ตรงนั้นเขาก็ยังถามต่ออีกว่าแล้ว LINE นพเก้าเฉลิมพระเกียรติของจังหวัดขอนแก่นเป็นของใคร จึงเติม signature ลงไปทุกผืน แทนนามสกุลสุโขเป็น signature ซึ่งจะใช้ในเรื่องของแคนกับเรื่องของ signature นี้อยู่บนฐานด้านล่างของผ้า เพื่อที่จะบ่งบอกถึงที่มาของความเป็นนพเก้าเฉลิมพระเกียรติเป็นของจังหวัดใดเป็นของใคร

นายทวี ยังได้กล่าวถึงเรื่องของการให้สีและการเลือกใช้เส้นใหญ่ไปดูที่เรื่องของการใช้เส้นใยเราใช้เส้นยืนบางตัวก็เป็นไหมบ้านซึ่งเป็นพันธุ์พื้นเมืองของขอนแก่นเป็นเส้นไหม GI ของขอนแก่นว่า บางชิ้นก็ใช้เส้นใหญ่ ที่เป็นเส้นใยลูกผสม แต่ว่าผลิตที่ขอนแก่นส่ วนสีสันนั้นณปัจจุบันเราเลือกสีสันค่อนข้างที่จะยกระดับตัวคุณค่าของผลิตภัณฑ์และคุณค่าของแนวคิดให้สูงกว่าคำว่า green production เพราะเราทำมาเราได้มาตรฐาน green production เราอยากส่งต่อในเรื่องของคำว่างานหัตถกรรมพื้นบ้านไปอยู่ในตำแหน่งในคำว่า clean ซึ่งมันสะอาดไปถึงใจเลยเพราะฉะนั้นเราถึงได้มองว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้มันเป็นเรื่องของการเลือกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อจะให้ผู้ค้า ก็เลยใช้โลโก้แบรนด์เป็นเรื่องราวของเชี่ยนหมากซึ่งเป็นวัฒนธรรมไทยโบราณโบราณที่เชี่ยนหมากเป็นศิลปะชั้นสูงของลูกผู้ชาย ที่สร้างขึ้นมาเพื่อส่งมอบให้กับผู้หญิงที่ตนเองรักต้องปราณีตต้องรังสรรค์ขึ้นมา เพราะฉะนั้นมันคือวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจากศิลปะทางใจของลูกผู้ชายที่ส่งมอบให้กับลูกค้า

ซึ่งเรารักเราอยากให้ได้สิ่งที่ดีกว่าเราอยากให้ได้สิ่งที่มันดูแตกต่างเราอยากให้สิ่งที่มีคุณค่าต่อใจเราอยากให้ในสิ่งที่มีคุณค่าต่อเรื่องของสิ่งแวดล้อมดูแลร่วมกันสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นการฉลาดเลือกที่จะให้ลูกค้าฉลาดรับ จึงได้ตั้งชื่อแบรนด์เป็นกับเรื่องของท้องถิ่นก็คือเอาไม้มะค่าซึ่งเป็นเอกลักษณ์เดิมของชุมชนมาเป็นเรื่องของชื่อของแบรนด์แต่ไม่ได้อ่านเป็นไม้มะค่าเ แต่อ่านเป็นไหมมาคา และไหมมาคาเป็นชื่อของแบรนด์ ที่แตกออกมาในเรื่องของอัตลักษณ์เดิมคือไม้มะค่าโมง เพราะฉะนั้นเราส่งมอบคุณค่าแห่งการฉลาดเลือก DNA ของแบรนด์คือคุณค่าแห่งการฉลาดเลือดเพราะเพียงแค่กระซิบรักไหมมาคาคือคุณค่าที่เราต้องการแล้ว ซึ่งกลุ่มได้รับการสนับสนุนจาก สสว. ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติขอนแก่น และกรมหม่อนไหม ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โดยเฉพาะ ทำให้ผู้ประกอบการมองทุกประเด็นปัญหาแบบ 360 องศา มีแนวทางแก้ไขที่ชัดเจน มองปัญหาจากอดีต ความจริงในปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคต เพื่อหาแนวทางสร้างความมั่นคง ยั่งยืน รวมถึงมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญเมื่อผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่ชนบท ได้รับการจดทะเบียนจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI และอยากให้ภาครัฐส่งเสริมในเรื่องของการที่จะประชาสัมพันธ์ เป็นการ support จากภาครัฐ และที่สำคัญคือภาครัฐในท้องถิ่นคือในระดับเวทีของเมืองไทยและในระดับของเวทีโลกเพราะ GI คือมาตรฐานโลก