สองสาวชาวอำเภอบ้านไผ่หอบหลักฐาน เข้าแจ้งความให้ตำรวจช่วย หลังสาวใหญ่ลูกหนี้เบี้ยวเงินร่วมครึ่งล้าน พร้อมบอกให้ไปฟ้องเอา ทำให้รู้ว่ากลายเป็นเครื่องมือไปหลอกยืมคนอื่นมาให้

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ที่สภ.บ้านไผ่ นางสาวธนัชชา (น้องมุก) อายุ 22 ปี ชาวต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และนางสาวกัญญานี (น้องเอิร์น) อายุ 21 ปี ชาว ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ร่วมกันนำเอกสาร หลักฐานที่เป็นข้อความที่คุยกับลูกหนี้ และ สลิปการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารให้กับลูกหนี้ เข้าพบกับ พ.ต.ท.สุพรรณ จิตรโท รองผกก.สอบสวน สภ.บ้านไผ่ เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ว่า ลูกหนี้ยืมเงินแล้วไม่คืนและท้าให้แจ้งความ และท้าฟ้องร้องดำเนินการตามกฎหมาย

ภายหลังการแจ้งความ นางสาวธนัชชา (น้องมุก) อายุ 22 ปี เปิดเผยว่า ตนเองมีอาชีพขายโทรศัพท์มือถือ และเปิดร้านอยู่ในเมืองบ้านไผ่ เมื่อกลางปี 2564 มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับนางรุ้ง อายุ 45 ปี จากนั้นนางรุ้งก็มาขอความช่วยเหลือให้หาเงินให้ เพราะต้องใช้เงินประมาณสามแสนบาท เข้าบัญชี หากไม่มีเงินก้อนนี้ จะทำให้ธุรกิจที่ร่วมกันทำกับผู้การล้ม ด้วยความที่เห็นว่านางรุ้งเป็นคนมีฐานะและมีธุรกิจ ขายรถยนต์ไปต่างประเทศ จึงหาทางช่วยเหลือ ด้วยการขอยืมเงินจาก นางสาวกัญญานี(น้องเอิร์น) อายุ 21 ปี เจ้าของธุรกิจขายผลไม้สด ในเมืองบ้านไผ่ และก็สามารถยืมได้

“แต่ก่อนที่จะยืมเงินจากน้องเอิร์นนั้น นางรุ้งได้ยืมเงินของตนก่อน ครั้งละ 30,000บาท จำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 90,000บาท จากนั้นตนก็ยืมเงินจากน้องเอิร์นจำนวนสามแสนบาทให้กับนางรุ้ง และน้องเอิร์นก็โอนเงินเข้าบัญชีให้ จากนั้นตนก็โอนเงินไปให้นางรุ้ง ซึ่งนางรุ้งบอกว่าจะผ่อนคืนให้ครั้งละ 5,000บาท จากนั้นไม่นานนางรุ้งก็ไปยืมเงินจากน้องเอิร์นอีก จำนวน 205,000บาท โดยบอกว่า จะคืนเงินรวมเป็นก้อนเดียวภายใน 10 วัน”

น้องมุก กล่าวต่ออีกว่า เมื่อนางรุ้งยืมเงินทั้งจากตนรวมทั้งหมดสี่แสนบาท แต่คืนมาแล้วสองแสน ยังคงค้างสองแสน และของน้องเอิร์นที่ยังคงค้างสามแสนบาท และไม่ยอมทำตามที่คุยไว้ ทั้งยังส่งเช็คของธนาคารมาให้ดูว่า กำลังจะเบิกเงิน 82 ล้านบาท แต่ยังเบิกไม้ได้ เพราะธนาคารกำลังตรวจสอบบัญชี จึงทำให้ไม่มีเงินมาคืน จากนั้นนางรุ้งก็ไม่คุยด้วย พอไปทวงถามที่บ้านก็บอกว่า เรื่องมาก จะไม่คืนเงินให้ ถ้าอยากได้เงินคืนให้ไปแจ้งความ ให้ไปฟ้องเอาจะได้คืนเงินตามกฎหมาย จึงทำให้รู้ว่าตัวเองถูกนางรุ้งหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการยืมเงิน จึงได้นำหลักฐานมาแจ้งความกับตำรวจ ให้ตำรวจเรียกนางรุ้งมาคุย มาเจรจา คืนเงินให้ เพราะการให้ยืมไม่ได้คิดดอกเบี้ยแต่อย่างใด

ทางด้าน นางสาวกัญญานี (น้องเอิร์น) อายุ 21 ปี กล่าวว่า การให้นางรุ้งยืมเงินนั้น เพราะคนที่มายืมคือเพื่อนแล้วเพื่อนเอาไปให้นางรุ้งยืมต่อ และที่เกิดปัญหาเพราะนางรุ้งไม่ทำตามที่พูดคุยกันไว้ โดยในครั้งที่ยืมไปบอกว่าจะคืนภายใน 10 วัน พอผ่าน10 วันยังไม่คืน บอกว่าจะผ่อนจ่ายเดือนละ 5,000 บาท แต่ทุกอย่างที่พูดคือนางรุ้งทำไม่ได้ และเพิ่งโอนเงินคืนเมื่อเดือนมกราคม 2565 จำนวน 20,000บาท จึงทวงถาม และให้นางรุ้งทำสัญญากู้ยืมเงิน นางรุ้งยอมทำสัญญา แต่ให้คนอื่นลงชื่อทำสัญญาแทน โดยบอกว่าตัวเองทำเองไม่ได้ เพราะถ้าทำเองจะทำให้เบิกเงินในธนาคารไม้ได้ จึงให้ญาติลงชื่อทำสัญญาแทน ตนก็ยอมเพราะเชื่อว่านางรุ้งกับญาติน่าจะไม่มีปัญหาอะไรกัน แต่สุดท้ายนางรุ้งก็ไม่คืนเงิน และท้าให้แจ้งความ ท้าให้ฟ้องศาล โดยบอกว่า ถ้าฟ้องศาลจะได้คุยกันตามกฎหมายแล้วจะใช้หนี้ที่ศาลตามกฎหมาย จึงรวบรวมเอกสารมาแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งตำรวจก็รับแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ทั้งยังแนะนำว่า เป็นเรื่องคดีทางแพ่ง ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องลูกหนี้ได้ตามกฎหมายแพ่ง และสามารถเข้าปรึกษากับอัยการคุ้มครองสิทธิ์ได้ ซึ่งหลังจากแจ้งความแล้วก็จะไปพบอัยการคุ้มครองสิทธิ์ในวันต่อไป