ชาวอำเภอบ้านไผ่แห่ต้อนรับ “เจ้าก้อง” ฮีโร่เหรียญทองซีเกมส์ยกน้ำหนักชาย (มีคลิป)

ชาวอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น จัดขบวนแห่ร่วมต้อนรับ เจ้าก้อง รุ่งสุริยา ปัญญะ ฮีโร่เหรียญทองซีเกมส์ยกน้ำหนักชาย เจ้าตัวเปิดใจ เตรียมตั้งใจฝึกซ้อมเก็บตัวเข้าแข่งขันระดับโลก พร้อมตั้งเป้าติดท็อปเท็นของโลกให้ได้


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน 2565 บนถนนเจนจบทิศ ในเขตเทศบาลบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น มีขบวนรถแห่ที่อำเภอบ้านไผ่ โดยนายประจักษ์ ไชยกิจ นายอำเภอบ้านไผ่ ผู้นำท้องถิ่นและส่วนราชการ พร้อมด้วยครู นักเรียน โรงเรียนบ้านไผ่ (ขก.5) จัดขบวนขึ้นมา เพื่อต้อนรับ “น้องก้อง” หรือนายรุ่งสุริยา ปัญญะ อายุ 22 ปี นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย ซึ่งเป็นลูกหลานของชาวบ้านไผ่ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 115 ม.11 บ้านกุดเชือก ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ที่ชนะการแข่งขัน ยกน้ำหนักรุ่น 89 กก.ขึ้นไป ชาย โดยทำน้ำหนักรวมได้ 349 กก. ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

โดยก่อนที่จะเริ่มขบวนแห่ที่กำหนดแห่ไปตามถนนสายหลักในอำเภอบ้านไผ่นั้น น้องก้องได้ร่วมเคารพธงชาติกับครู อาจารย์และนักเรียน โรงเรียนบ้านไผ่(ขก.5) จากนั้นก็มาขึ้นรถแห่ โดยมีนายประจักษ์ ไชยกิจ นายอำเภอบ้านไผ่ และนายสมรักษ์ คำสิงห์ นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกของประเทศไทย ในการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ในกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 26 ก็ร่วมขึ้นรถคันเดียวกันกับน้องก้อง แห่ไปบนถนนเจนจบทิศ ซึ่งตลอดเส้นทางที่ผ่านหน้าโรงเรียนต่างๆ มีนักเรียน ครู อาจารย์มาร่วมโบกมือ โบกธงชาติ แสดงคว่ามยินดีกับน้องก้องตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ชาวบ้านไผ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าประชาชนที่อยู่สองข้างถนน ก็มาร่วมแสดงความยินดีอย่างไม่ขาดสาย

จากนั้นขบวนแห่ก็ถึงสนามหน้าที่ว่าการอำเภอบ้านไผ่ ซึ่งในจุดดังกล่าว นายอำเภอ และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอบ้านไผ่ คณะครูโรงเรียนบ้านไผ่ และตัวแทนกลุ่มนักธุรกิจในอำเภอบ้านไผ่ ก็มาร่วมแสดงความยินดีกับน้องก้อง ด้วยการมอบรางวัล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินสดตั้งแต่ 2000-5000 บาท

นอกจากนี้ ก็มีตาและยาย พร้อมด้วยน้องชายของน้องก้องอีก 2 คน และญาติพี่น้องที่มาจากบ้านโนนสะอาด ต.บ้านชัย อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ก็เดินทางทางรอรับหลายชายในครั้งนี้ด้วย โดยนางเมียง โยทะพน อายุ 72 ปี พร้อมคุณตาได้มอบพวงมาลัยเงินพร้อมสร้อยคอทองคำให้หลานชาย 1 เส้น น้ำหนัก 2 บาท ส่วนญาติพี่น้องพากับมอบพวงมาลัยดอกไม้ สร้างความปลื้มปีติกับน้องก้องเป็นอย่างมาก

นางเมียง กล่าวว่า มีหลายชาย 3 คน น้องก้องเป็นหลานชายคนโต ที่มีนิสัย มุมานะ และเป็นคนมีความอดทนมาตั้งแต่เด็ก เมื่อพ่อแม่ แยกทางกัน น้องก้องก็ต้องอยู่กับมารดาและน้องชาย ต่อมามารดาไปทำงานที่ประเทศเกาหลี น้องชาย 2 คนก็ไปอยู่กับตายายที่จังหวัดอุดรธานี ส่วนน้องก้องยังเรียนและเล่นกีฬา ที่อ.บ้านไผ่ ซึ่งทราบว่าน้องก้องชอบเล่นกีฬายกน้ำหนัก และมุ่งมั่นฝึกซ้อมมาตลอด เมื่อมาถึงวันที่น้องก้องเป็นนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ ยายกับตาก็ภูมิใจ ที่น้องก้องทำได้สำเร็จในสิ่งที่มั่งหวัง และก็หวังว่าหลานชายจะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติต่อไป

ขณะที่ นายประจักษ์ ไชยกิจ นายอำเภอบ้านไผ่ กล่าวว่า น้องก้องหรือนายรุ่งสุริยา ปัญญะ อายุ 22 ปี นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย เป็นลูกหลานของชาวบ้านไผ่ เพราะเกิดและเติบโตที่บ้านกุดเชือก ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ เมื่อทราบว่า ลูกหลานชาวบ้านไผ่ ชนะการแข่งขัน ยกน้ำหนักรุ่น 89 กก.ขึ้นไป ก็รู้แห่สึกดีใจ และเมื่อทราบว่าน้องก้องจะกลับมาหาญาติพี่น้องที่บ้าน จึงหารือกับผู้นำนำพื้นที่ จนมีมติร่วมกันว่า จะต้องร่วมกันต้อนรับคนเก่งที่สร้างชื่อเสี่ยงให้ประเทศ จึงได้จัดรถแห่ แห่ไปตามถนนสายหลักในอ.บ้านไผ่ ให้ประชาชนได้ชื่นชมคนเก่ง นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานต่างมาร่วมมอบรางวัลให้กับคนเก่งอีกด้วย

ทางด้าน สมรักษ์ คำสิงห์ เจ้าของเหรียญทองมวยโอลิมปิค ซึ่งมาร่วมขบวนแสดงความดีใจกับน้องก้องก็ได้พูดให้กำลังใจว่า วันนี้น้องก้องสร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวอำเภอบ้านไผ่ที่คว้าเหรียญทองซีเกมส์กีฬายกน้ำหนักมาได้ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ของ อ.บ้านไผ่ ที่ได้มีการแห่แสดงความยินดีกับฮีโร่ที่ได้เหรียญทองกับนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง หลังจากตนเองทราบว่าทางอำเภอบ้านไผ่ จะมีการจัดขบวนแห่น้องก้อง ตนเองก็วางแผนเดินทางมาร่วมทันทีโดยหลังจากถ่ายละครเสร็จก็เดินทางมาที่ขอนแก่นทันทีเมื่อตอนตี 4 ที่ผ่านมา พร้อมกับฝากในฐานะรุ่นพี่ถึงเจ้าก้องว่า โอลิมปิคนี้เชื่อว่าน้องก้องมีหวังที่จะคว้าชัยชนะกลับมาให้ชาวขอนแก่นได้ภาคภูมิใจอีกครั้ง รวมทั้งกีฬาอื่นๆโดยเฉพาะมวยและยกน้ำหนักที่สร้างความหวังให้คนไทยได้ลุ้นมาโดยตลอด ซึ่งน้องก้องนั้นถือว่าประสบการณ์แน่นแล้วฝึกฝนอีกหน่อยพัฒนาอีกหน่อยก็จะเป็นเบอร์ 1 ของโลกได้ คนขอนแก่นเก่ง ไม่ได้โม้

ส่วนน้องก้องหรือนายรุ่งสุริยา ปัญญะ อายุ 22 ปี นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย กล่าวว่า ตนเองมาจากครอบครัวที่พ่อแม่เลิกกัน หากไม่มีสติ ช่วงเรียนเอาแต่เล่น ไม่ตั้งใจเรียน ไม่มุ่งมั่นในสิ่งที่ชอบ เพราะตนชอบกีฬายกน้ำหนัก ก็คงจะเสียคนไปแล้ว แต่เมื่อพ่อไม่สนใจ แยกทางกับแม่ไปและไม่เคยเจอหน้าพ่อมากว่า 10 ปี จึงบอกตัวเองว่า ตั้งใจ ทำให้สำเร็จ เมื่อประสบความสำเร็จแล้ว ก็ดีใจและภูมิใจ และเชื่อว่า จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้นักเรียนรุ่นน้องได้เป็นอย่างดี ส่วนเงินรางวัลที่ได้มา แม้ไม่มากแต่ก็คงจะพอที่จะสร้างบ้านให้แม่ เพราะตั้งใจไว้ตั้งแต่เริ่มเล่นกีฬาแล้วว่า หากอนาคตประสบควสามสำเร็จ มีเงิน สิ่งแรกที่จะทำคือสร้างบ้านให้แม่อยู่ แม่จะได้ไม่ลำบาก เพราะตนเชื่อเสมอว่า หากทำความดีกับพระในบ้าน และไม่ลืมบุญคุณคนที่ช่วยเหลือนั้น ก็เปรียบเหมือนชื่อเสียงอยู่ได้ไม่นาน แต่ตำนานจะอยู่ตลอดไป

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง