ตำรวจขอนแก่น ส่งสำนวนฟ้องเอาผิด 16 แกนนำคณะราษฎรขอนแก่น

ตำรวจขอนแก่น ส่งสำนวนฟ้องเอาผิด 16 แกนนำคณะราษฎรขอนแก่น นัดฟังผลการสั่งฟ้อง 22 เม.ย. หลังผู้ต้องหามารายงานตัวไม่ครบ ทั้งติดคดีความ-บวชพระ และกักตัว 14 วันในกลุ่มเสี่ยงสูง

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 เม.ย.2564 ที่สำนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น นำสำนวนการสอบสวนเอาผิดแกนนำกลุ่มคณะราษฎรขอนแก่น หลังการสอบสวนแล้วเสร็จนำส่งให้กับพนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น ซึ่งได้มีการเรียกตัวแกนนำทั้ง 16 คนเข้ารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ไปแล้วเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางการวางกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมทั้งกำลัง อส.โดยรอบสำนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น เพื่อความปลอดภัยและป้องกันกลุ่มมือที่สามที่อาจจะเข้ามาสร้างสถานการณ์ใดๆได้

ทั้งนี้เมื่อถึงเวลานัดหมาย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแกน ได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้กับพนักงานอัยการ ขณะที่ แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมีนายเสฐียรพงศ์ ล้อศิริรักษ์ ทนายความเครือข่ายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้นำกลุ่มแกนนำที่เดินทางมรายงานตัวในวันนี้ทั้งหมด 12 คนจากทั้งหมด 16 คน ประกอบด้วย นายชัยธวัช นามมะเริง,นายนิติกร ค้ำชู, นายกรชนก แสนประเสริฐ, นายธนศักดิ์ โพธิเตมีย์, นายภาณุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์, นายศรายุทธ นาคมณี, นายเชษฐา กลิ่นดี, นายศิวกร นามนวด, นายเจตน์สฤษดิ์ นามโคตร, นายอิศเรษฐ์ เจริญคง และ น.ส.วิศัลยา งามนา โดยมีเพียงนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่, นายวีรภัทร ศิริสุนทร, น.ส.จตุพร แซ่อึง และ นายพชร สารธิยากุล ไม่ได้เดินทางมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการตามการส่งสำนวนฟ้องเท่านั้น

นายเสฐียรพงศ์ ล้อศิริรักษ์ ทนายความเครือข่ายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า การส่งสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้กับอัยการในครั้งนี้ ตำรวจได้ตั้งข้อหาทั้ง 16 คนประกอบด้วย ความผิด พรบ.ธงชาติไทย จากการชุมนุมและปลดธงชาติ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2564 รวมทั้งการฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินและโรคระบาด จากการชุมนุมที่ หน้า สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2564 และการชุมนุมที่ หน้า สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2564 ซึ่งทุกคนนั้นปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา เพราะเราชุมนุมกันตามสิทธิและหน้าที่ และในวันนี้เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ทุกคนปฎบัติตามกรอบของกฎหมายและต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตย โดยผู้ที่ไม่ได้เดินทางมารายงานตัวนั้น 1 คนอยู่ในระหว่างการบรรพชาอุปสมบท 1 คน ติดคดีความที่ศาลอาญาและอีก 2 คนกักตัว 14 วัน เนื่องจากจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้น

“นอกจากการที่ทุกคนจะเข้ารายงานตัวต่อพนักงานอัยการตามที่ตำรวจได้สรุปสำนวนส่งฟ้องแล้ว ในชั้นอัยการจะมีการขอยื่นเอกสารคำให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพื่อให้ท่านอัยการนั้นได้พิจารณาสำนวนตามที่ตำรวจทำมา ซึ่งเอกสารคำให้การดังกล่าวอาจจะชี้มูลไปถึงการไม่สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดก็เป็นไปได้”

นายเสถียรพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า พนักงานอัยการได้นัดผู้ต้องหาทั้ง 16 คนมารายงานตัวและรับฟังคำสั่งในวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งก็จะเป็นไปตามห้วงเวลา 30 วัน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา ดังนั้นในระยะนี้ทีมทนายความจะเร่งส่งคำให้การและส่งเอกสารต่างๆให้กับพนักงานอัยการ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง