เมื่อเวลา 10 .00 น. วันที่ 9 พ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นท่สำรวจร้านค้าที่ใช้น้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบหลักหลังมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มล่าสุด อยู่ขวดละ 70 บาท โดยเฉพาะที่ร้านปาท่องโก๋ “โก๋โกปุ้ม” ที่ขายอยู่บริเวณสี่แยกถนนหน้าเมืองตัดถนนรื่นรมย์ เขตเทศบาลนครขอนแก่น พบว่าแม่ค้าได้รับผลกระทบจากราคาน้ำปาล์มที่แพงอย่างมาก ทำให้ต้องปรับปริมาณเล็กลงแต่ยังขายในราคาเดิม

น.ส.จันทร์ฉาย พัวพิทยาธร อายุ 34 แม่ค้าขายปาท่องโก๋ กล่าวว่า น้ำมันปาล์มมีการปรับราคาจำหน่ายขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณลังละ 500-600 บาท โดยต่อลังจะมี 12 ถุงๆละ 1 ลิตร แต่มาปีนี้ปรับราคาขึ้นเป็น 760 บาท บางร้าน 800 บาท แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์ม ซึ่งส่งผลกระทบต่อร้านอย่างชัดเจนเพราะปัจจัยหลักในการทำปาท่องโก๋คือน้ำมัน

“เมื่อต้นทุนสูงขึ้นร้านก็ต้องมีการปรับตัว ด้วยการทำตัวปาท่องโก๋ให้ตัวเล็กลงแต่ขายในจำนวนที่มากขึ้นเอากำไรน้อยลงเพราะไม่อยากขึ้นราคา ลูกค้าบางคนก็เข้าใจว่าทำไมต้องลดขนาดให้เล็กลงเพราะวัตถุดิบแพงขึ้น ซึ่งอยากให้ผู้ซื้ออยู่ได้ คนขายอยู่ได้แบบไม่กระทบมาก ดังนั้น ในระยะนี้ร้านจะแบกรับภาระให้ผู้บริโภคเอง ซึ่งถ้าไม่ไหวจริงในการลดขนาดสินค้าก็ต้องขออนุญาตขึ้นราคาสินค้าเหมือนกันไม่อย่างนั้นร้านก็จะอยู่ไม่ไหว เนื่องจากมีค่าใช้จ่าย แต่ตอนนี้ที่ร้านยังพอไหวก็ช่วยๆกันไป

น.ส.จันทร์ฉาย กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้วัตถุดิบทุกอย่างขึ้นหมด ทั้งแป้งสาลีที่ใช้ทำปาท่องโก๋, แก๊สหุงต้ม ,ถุงพลาสติก น้ำมันเติมรถก็ขึ้น ซึ่งมันเป็นผลพวงมาถึงกันหมดเพราะเราต้องใช้รถมาทำงาน ขณะที่ ร้านที่ไปซื้อน้ำมันประจำก็ไม่ได้แจ้งสาเหตุว่าปรับเพราะเหตุผลใด และมีการแจ้งล่วงหน้าว่าจะมีการปรับราคาขึ้น ประกอบกับการติดตามข่าวสารก็พอจะรู้เหตุผลที่น้ำมันปาล์มราคาแพงขึ้น

“ที่ร้านขายปาท่องโก๋ตัวละ 2 บาท 3 ตัว 5 บาท น้ำเต้าหู้ถุงละ 5 บาท ซาลาเปาทอด ชิ้นละ 2 บาท 3 ชิ้น 5 บาท สังขยาขายกระปุกละ 5 บาท ก่อนหน้านี้ขนาดตัวจะใหญ่กว่านี้กิน 1-2 ตัวน่าจะอิ่มถึงเที่ยง แต่ตอนนี้ตัวเล็กลงนิดหน่อย ซึ่งก็ได้มีการแจ้งลูกค้าเช่นกัน อย่างไรก็ตามถ้าวัตถุดิบกลับมาราคาถูกลงก็จะกลับมาทำตัวให้ใหญ่ขึ้นตามปกติ แต่ถ้าราคาน้ำมันปาล์มปรับราคาขึ้นลังละ 800 บาทขึ้นไปทางร้านคงต้องมีการพิจารณาปรับราคาสินค้าขึ้นตามไปด้วยเพราะว่าแบกต้นทุนต่อไปไม่น่าจะไหว”