คนร้ายขับรถจักรยานยนต์ตามประกบหญิงชาวอ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ก่อนลงมือถีบรถจักรยานยนต์กระชากกระเป๋า ผู้เสียหายยื้อแย่งถูกถีบหน้าอกซ้ำ ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดและโทรศัพท์มือถือหลบหนีไปอย่างลอยนวล วอนตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 21 มีนาคม 2565 นางสาวจีระภา คูหา อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.12 บ้านหนองฮี ต.หินตั้ง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ดูจุดเกิดเหตุ ที่ถูกคนร้ายถีบรถจักรยานยนต์ ทำร้ายร่างกาย และชิงทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา พร้อมกับเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านค้าแห่งหนึ่งในบ้านหนองฮี บันทึกรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยคาดว่าจะเป็นคนร้ายขับติดตามผู้เสียหายไป โดยเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพของผู้เสียหายขับผ่านหน้าร้านไปเวลาประมาณ 20.05 น. ผ่านไปไม่ถึง 30 วินาที พบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยขับตามมาด้วยความเร็ว เป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำ-แดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน
โดยนางสาวจีระภา พาไปในจุดที่ถูกคนร้าย เป็นชาย รูปร่างผอม อายุประมาณ 25-30 ปี สูงประมาณ 160 ซม.สวมเสื้อยืดแขนสั้น คนกลมสีขาว ใส่กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีดำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำแดง ติดทะเบียน แต่มืด ทำให้มองไม่เห็นทะเบียน เข้ามาเบียดแล้วพูดว่า “เอากระเป๋ามา” จากนั้นก็กระชากเอากระเป๋าที่สะพายอยู่ในตัว จนเกิดการยื้อแย่งกัน แล้วคนร้ายก็ใช้เท้าถีบจนร่างล้มลงในไร่มันสำปะหลังข้างทาง แต่กระเป๋ายังไม่หลุดจากตัว คนร้ายก็เข้ามาถีบซ้ำที่กลางหน้าอกแล้วแย่งเอากระเป๋าไปได้ ข้างในกระเป๋ามีเงินสดจำนวน 2,250 บาท พร้อมโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ oppo สีขาว ราคา 4,900 บาท เอกสารสำคัญ บัตรเอทีเอ็ม
นางสาวจีระภา เปิดเผยว่า ตนทำงานที่โรงงานกระเทียมดอง ในซอยเอี่ยมไพศาล ในเขตเทศบาลบ้านไผ่ โดยจะออกไปทำงานตั้งแต่เช้า จนถึงเย็น เลิกงานก็กลับมาที่บ้าน ซึ่งบ้านอยู่ในที่นา ห่างจากหมู่บ้านไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันที่ทำติดต่อกันมา 2 ปีแล้ว
ในวันเกิดเหตุ คือค่ำวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่าน หลังเลิกงานก็ขี่รถจักรยานยนต์ของตัวเองกลับบ้านตามปกติ เมื่อขับขี่มาถึงเส้นทางกลางหมู่บ้าน ก็มีรถจักรยานยนต์ขับขี่ตามหลังมา แต่ก็ไม่ได้คิดเอะใจ เพราะคิดว่าเป็นชาวบ้านที่ขับขี่รถไปไร่นา กระทั่งถึงทางเลี้ยวขวาจะเข้าไปในตัวบ้านพัก จึงชะลอรถ ปรากฏว่าถูกคนร้ายขับขี่รถมากระกบด้านขวา ทำให้เลี้ยวเข้าบ้านไม่ได้ ทั้งยังถูกคนร้าย ข่มขู่เอากระเป๋าสะพายข้าง ซึ่งคนร้ายสื่อสารเป็นภาษาอีสานว่า เอากระเป๋ามา แต่ตนไม่ให้ คนร้ายจึงยื้อแย่งเอาและถีบร่างตนจนล้มลงในป่ามันสำปะหลัง แล้วคนร้ายก็ตามเข้ามาถีบที่กลางหน้าอก แย่งเอากระเป๋าไปจนได้ ซึ่งช่วงที่เกิดเหตุนั้น ได้ร้องขอความช่วยเหลือจนสุดเสียง แต่ไม่มีใครมาช่วยเพราะบ้านอยู่ห่างไกลกันมาก ส่วนคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์หนีไปทางบ้านน้อย ซึ่งเป็นหมู่บ้านพื้นที่ติดต่อกัน
“หลังจากคนร้ายหนีไปแล้วรีบขี่รถ เข้ารีบขี่รถไปบอกสามีในบ้าน จากนั้นจึงรีบขับรถยนต์กระบะตามตัวคนร้ายไปตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี จนพบตัวผู้ต้องสงสัยคล้ายคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ตนไป อยู่ที่ตู้เอทีเอ็ม ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งริมถนนแจ้งสนิทจากนั้น จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.บ้านไผ่ ให้ติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ในขณะเดียวกันตนเองก็ได้สืบเสาะหาตัวคนร้าย ซึ่งเชื่อว่า น่าจะเป็นคนที่รู้ความเหลื่อนไหวของตนเอง และน่าจะเป็นคนในชุมชน หมู่บ้านที่รู้จักกันมาก่อเหตุ จนกระทั่งพบรถจักรยานยนต์คันที่คล้ายรถของคนร้าย จอดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน เมื่อเข้าไปสอบถามในบ้าน หลังดังกล่าว ก็มีชายรูปร่างผอม ออกมาพูดว่า ไม่เคยเปลี่ยนเสื้อนะ ใส่เสื้อตัวนี้มาปลายวันแล้ว ทำให้งงในคำพูดของชายคนดังกล่าว รวมถึงได้ภาพคนร้ายที่ขี่รถติดตามตนในคืนดังกล่าว จากร้านค้าริมถนนในหมู่บ้าน ซึ่งบันทึกภาพผู้ต้องสงสัยได้ในช่วงเวลาเวลา 20.04.57 หลังจากที่ตนขี่รถผ่านไป ผู้ต้องสงสัยก็ขี่รถตามหลังมา ซึ่งรายละเอียดและวงจรปิดทั้งหมด มอบให้ตำรวจบ้านไผ่หมดแล้ว และอยากให้ตำรวจจับกุมคนร้ายได้โดยเร็ว เพราะเกรงว่าคนร้ายจะก่อเหตุซ้ำกับตนและชาวบ้านรายอื่นอีก”
ทางด้าน พ.ต.ท.มนตรี สุปะคำ รองผกก.สส.สภ.บ้านไผ่ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องก็ลงพื้นที่ ตรวจที่เกิดเหตุร่วมกับพนักงานสอบสวน จากนั้นก็หาเบาะแสของคนร้าย ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนที่มักคุ้นกับผู้เสียหาย ซึ่งขณะนี้พบเพียงภาพจากวงจรปิดที่เชื่อว่าเป็นผู้ต้องสงสัย และตำรวจกำลังเร่งสืบสวนหาตัวคนร้าย มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
Leave a Response