ขอนแก่น – “บิ๊กโจ๊ก” แถลง ตำรวจแกะรอยจากนามบัตร รวบ 9 เครือข่ายนายทุนเงินกู้นอกระบบ (มีคลิป)

“บิ๊กโจ๊ก” รวบ 9 เครือข่ายนายทุนเงินกู้นอกระบบ ได้ตัวผู้ต้องหา 34 รายของกลางอื้อ ย้ำชัดยึดทรัพย์ทุกกรณี พร้อมประสานสรรพากร ตรวจสอบด้านภาษี ทุกรายไม่มีละเว้น เตือนนายทุนที่ยังดื้อหากยังปล่อยแก๊งหมวกกันน็อค-โปรยใบปลิว เพ่นพ่าน จับหมดไม่มีละเว้น

วันที่ 3 มี.ค.2565 ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.สุรเชษฐ หักพาล ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4,พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ,พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผบก.กองอุทธรณ์และ พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างจับกุมกลุ่มเครือข่ายนายทุนเงินกู้นอกระบบ ของศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้ดำเนินการจับกุมในพื้นที่ จ.ขอนแก่น,อุดรธานี,นครพนมและ จ.หนองคาย โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 34 คน แยกเป็น จ.ขอนแก่น 18 คน ใน 4 เครือข่าย,อุดรธานี 9 คน 2 เครือข่าย,นครพนม 1 คน 1 เครือข่ายและ จ.หนองคาย 6 คน 2 เครือข่าย พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางประกอบด้วย รถยนต์จำนวน 4 คัน,รถจักรยานยนต์ 12 คัน ,โทรศัพท์มือถือ 21 เครื่อง,บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวน 17 บัญชี,นามบัตรกว่า 50,000 ใบ รวมไปถึงสมุดบันทึกรายชื่อลูกหนี้รวมอีกหลายรายการ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ หักพาล ผช.ผบ.ตร.กล่าวว่า จากการจับกุมในพื้นที่ 4 จังหวัดพบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ในกลุ่มเครือข่ายนายทุนเงินกู้นอกระบบ 9 เครือข่าย และจากการสอบสวนพบว่าเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มนายทุน 3 รายใหญ่ ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี, อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยขณะนี้ชุดปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติรู้ตัวแล้วว่าเป็นใครและได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อจับกุมต่อไป อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพฤติกรรมพบว่ากลุ่มขบวนการนายทุนดังกล่าวยังคงอาศัยช่องว่างและจังหวะที่ประชาชนเข้าไม่ถึงสถาบันการเงินของรัฐ

กระทำการแจกใบปลิว ไปในพื้นที่ต่างๆเพื่อให้ผู้ที่เดือดร้อนและต้องการใช้เงินนั้นได้ติดต่อผ่านหมายเลขโทรศัพท์ตามนามบัตรที่กำหนดจากนั้นก็จะมีคนของนายทุนเข้ามาประสานงานและปล่อยเงินกู้ โดยบอกแค่ว่าอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 และทำสัญญาแบบนิติกรรมอำพราง ซึ่งเมื่อประชาชนได้รับเงินไปก็ถือว่าได้เงินแล้วแต่ไม่ดูว่าเงินที่กู้กับกลุ่มดังกล่าวไปนั้นร้อยละ 2 ต่อวันหรือร้อยละ 60 ต่อเดือน ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

“ขณะนี้นายทุนรายใหญ่ใน 3 พื้นที่ตำรวจได้เฝ้าติดตามจับกุมตัวแล้ว และทุกรายเมื่อจับกุมตัวมาก็จะใช้มาตรการด้านภาษีและมาตรการในการยึดทรัพย์ ซึ่งต้องยอมรับว่าเมื่อผู้ต้องหาที่จับกุมตัวไปนั้น โดยเฉพาะผู้ที่ทำการแจกใบปลิวหรือแก๊งหมวกกันน็อคเมื่อถูกจับและขึ้นศาลก็จะถูกศาลปรับ แต่จากนี้ไปตำรวจจะประสานการทำงานร่วมกันกับกรมสรรพากร และ ปปง.ในมาตรการยึดทรัพย์และเรื่องภาษี จึงขอเตือนให้กลุ่มนายทุนที่ยังคงปล่อยทีมงานเพ่นพ่านแจกนามบัตร โปรยใบปลิวหรือแก๊งหมวกกันน็อคที่จะต้องขอให้หยุดกากรระทำผิดดังกล่าว เพราะนามบัตรทุกใบที่ตำรวจตรวจพบ จะทำการสืบสวนสอบสวนสาวไปถึงนายทุนรายใหญ่ทันที และขณะนี้มีข้อมูลมาแล้วว่า เมื่อตำรวจแกะรอยสืบสวนจับกุมตามนามบัตร โดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดทางภาคกลางที่มีเงินสะพัดวันละกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มนายทุนดังกล่าวก็หันมาใช้ในระบบแอปพลิเคชั่นไลน์ และการส่งข้อความถึงประชาชนแทน ดังนั้นตำรวจไซเบอร์ และคณะทำงานร่วมทุกฝ่ายจะติดตามจับกุมกลุ่มนายทุนหนี้นอกระบบมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดตามนโยบายที่รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดโดยไม่มีละเว้น”

ในเวลาต่อมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ หักพาล ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4,พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ,พล.ต.ต.ไพโรจน์ กิจิรพันธ์ ผบก.กองอุทธรณ์และ พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 ลงพื้นที่ที่บ้านเช่าเลขที่157/16 ม.12 บ้านดอนหญ้านาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านเช่าของนางอุทัย แสนศิลา อายุ 64 ปี มีอาชีพขายข้าวโพดต้มและของหวาน โดยอาศัยอยู่ในห้องเช่ากับลูกชายวัย 29 ปี เพื่อให้กำลังใจและสอบถารมรายละเอียดในกรณีที่ถูกลูกจ้างของนายทุนเงินกู้ข่มขู่ และยังแนะนำการกู้เงินที่มีการเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่กฎหมายกำหนด

นางอุทัย แสนศิลา อายุ 64 ปี กล่าวว่า เคยมีสามีที่เป็นข้าราชการตำรวจ แต่สามีเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2554 จึงอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลายแห่งกับลูกชาย วัย 29 ปีซึ่งป่วยทางจิตเวช ที่ไม่สามารถดำเนินชีวิตตามลำพังได้ และได้มาเช่าห้องแห่งนี้อาศัยอยู่กับลูกชาย ในราคาค่าเช่าเดือนละ 1,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟเดือนละ 1,000บาท โดยยึดอาชีพขายข้าวโพดต้มและของหวาน ซึ่งจะมีการลงทุนวันละ700-1,000บาท แต่เงินไม่ค่อยมี เพราะมีรายได้จากเงินผู้สูงอายุเท่านั้น จึงได้กู้เงินนอกระบบตามใบปลิวที่มีการโปรยตามข้างถนน มีการกู้ทั้งหมด 4 ราย รายละ 5,000บาท รวมเป็นเงิน 25,000บาทให้ผ่อนดอกเบี้ย วันละ 250 บาท รวมแล้วต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 1,050 บาท ซึ่งแต่ละรายจะให้ผ่อนดอกเบี้ยภายในระยะเวลา 24 วัน มีการผ่อนมาเรื่อยๆ ได้ครบบ้าง ไม่ครบบ้าง เพราะขายของไม่ดี แล้วยังต้องลงทุนทุกวัน

“เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ถูกคนเก็บเงินกู้ในสายของบังบอส เข้าไปเก็บดอกเบี้ยรายวันแต่เช้า จึงยังไม่มีเงินให้ แล้วถูกข่มขู่จะทำร้ายร่างกายและจะมายึดเอาตู้เย็นที่ใช้แช่ของขายไปอีก ด้วยความกลัว จึงได้เข้าไปแจ้งความกับตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยเหลือ เพราะไม่อยากถูกคนเก็บดอกเบี้ยเงินกู้มายึดเอาตู้เย็นไป

นางอุทัย กล่าวอีกว่า ค้าขายแบบนี้เลี้ยงปากท้องแม่ลูก2 คน แต่ต้องมีรายจ่ายอื่นๆอีก ทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินในแต่ละวัน จำเป็นต้องกู้หนี้นอกระบบ เพราะไม่สามารถจะยื่นกู้ในระบบได้ จึงอยากขอความช่วยเหลือจาก พมจ.ให้หาที่อยู่อาศัยที่แม่ลูกสามารถอยู่ด้วยกันได้ และขอความช่วยเหลือไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สร้างบ้านหลังเล็กๆ ให้อยู่ เพื่อจะได้มีที่ซุกหัวนอน และมีที่นอนตาย เพราะทุกวันนี้ลำบากมาก”

พล.ต.ท.สุรเชษฐ หักพาล ผช.ผบ.ตร. กล่าวว่า หากได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบ ข่มขู่ ให้ทำร้าย ให้ผู้เสียหายทุกคนรีบไปพบตำรวจ เพื่อจะได้ทำการช่วยเหลือจับกุม กลุ่มคนเหล่านี้ เพราะการปล่อยกู้นั้น เก็บดอกเบี้ยร้อยละ 60 บาทต่อเดือน จึงเป็นการปล่อยกู้ที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจะต้องถูกจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


Leave a Response

เรื่องล่าสุด