ร้องสื่อ! แพทย์วินิจฉัยโรคผิดจนต้องถูกตัดขา

01-45624562426450

ลูกสาวและญาติพร้อมทนายความเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน หลังคุณยายวัย 87 ปี มีอาการป่วยหนักเข้ารับการรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉินของ รพ.รัฐแห่งหนึ่งในอำเภอของจังหวัดมหาสารคาม แต่หมอวินิจฉัยโรคผิดพลาดเสียโอกาสในการรักษาเพราะให้กลับบ้านก่อน ปรากฏว่าไปถึงบ้านอาการหนักญาติๆ ต้องรีบนำส่ง รพ.เอกชนที่ขอนแก่นจนต้องตัดขาทิ้งกลายเป็นคนพิการ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 23 ม.ค.2565 นายปกาญจน์ นพศรี ประธานสภาทนายความศาลจังหวัดพล และนางลำไย ทักษิณ อายุ 49 ปี เลขที่ 135 หมู่ 7 ต.โนนราศี อ.บรบือ พร้อมด้วยนางอรอรุณ ดวงคำดี อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 77 หมู่ 13 ต.หนองจิก อ.บรบือ จังหวัดมหาสารคาม ได้เข้าร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน โดยนางลำไย บอกกับ ผู้สื่อข่าวว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา แม่ของตนคือนางสร้อย อัปมะเถ อายุ 87 ปี มีอาการปวดขา หายใจไม่อิ่ม มีอาการเหนื่อย ญาติจึงได้เรียกรถ 1669 ของกู้ภัยตำบลโนนราศี จังหวัดมหาสารคาม นำส่งนางสร้อย ถึงโรงพยาบาลอำเภอแห่งหนึ่ง ในจังหวัดมหาสารคาม เวลา 19.00 น. แพทย์ที่ รพ.จึงได้ทำการตรวจเอกซเรย์ทำการตรวจคนไข้ตามขั้นตอนซึ่งมีอาการหนักแพทย์จึงให้เข้าห้องฉุกเฉินและให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยแพทย์ได้แจ้งกับญาติว่าเป็นอาการกระดูกทับเส้นประสาท ส่วนอาการหายใจไม่อิ่มคือน้ำท่วมปอด จึงได้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลดังกล่าวจนถึง วันที่ 5 มกราคม 2565 อาการนางสร้อย ผู้เป็นแม่ก็ยังไม่ดีขึ้น แต่แพทย์ได้สั่งให้ออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และนัดมาดูอาการอีกครั้ง ในวันที่ 17 มกราคม 2565

กระทั่งเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2565 นางสร้อย มีอาการป่วยหนักขึ้น คือขาบวม เท้าบวมเขียวช้ำ หายใจไม่ได้ตนได้โทรติดต่อเรียกรถ 1669 ของตำบลโนนราศี อ.บรบือ เพื่อให้ไปส่งคนป่วยที่ รพ.ขอนแก่นราม จังหวัดขอนแก่น แต่ได้รับแจ้งจากทางรถกู้ภัยว่าไม่สามารถนำตัวนางสร้อยส่งโรงพยาบาลขอนแก่นรามได้ เพราะไม่ใช่ พื้นที่ทำงานของรถกู้ภัย หากไปส่งโรงพยาบาลบรบือ จึงจะนำรถมารับผู้ป่วยได้ ทางญาติๆ จึงต้องนำตัวนางสร้อยขึ้นรถส่วนตัวไปส่งที่ รพ.ขอนแก่นรามกันเอง พอไปถึงโรงพยาบาลขอนแก่นรามแพทย์ที่โรงพยาบาลขอนแก่นรามได้มาตรวจแล้วแจ้งว่าไม่ใช่อาการน้ำท่วมปอด ไม่ใช่อาการกระดูกทับเส้นตามใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคามที่ทำการรักษาก่อนหน้านี้

ซึ่งจากการเอกซเรย์ของโรงพยาบาลขอนแก่นราม แพทย์แจ้งว่าเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบเส้นเลือดอุดตันส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายไม่ได้จึงมีอาการขาบวมช้ำต้องผ่าตัดด่วนในวันนี้คือวันที่ 13 มกราคม 2565 ทันที โดยทางแพทย์แจ้งให้ญาติทราบว่าต้องตัดขาข้างขวาทิ้งเพราะมีอาการ เนื้อตายและเน่าแล้ว ขณะนี้นางสร้อยยังนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลขอนแก่นราม ตนจึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรม และความรับผิดชอบจากทางโรงพยาบาลที่ทำการรักษาแม่ของตนในครั้งแรกด้วย

 นางอรอรุณ  ดวงคำดี  ญาติผู้ป่วย
นางอรอรุณ ดวงคำดี ญาติผู้ป่วย

ทางด้าน นางอรอรุณ ดวงคำดี ญาติผู้ป่วย กล่าวว่าการร้องเรียนครั้งนี้ เพราะติดใจในคำวินิจฉัยแพทย์จากโรงพยาบาลที่คุณยายได้เข้าทำการรักษาในครั้งแรกที่จังหวัดมหาสารคาม ว่าคุณยายเป็นแค่น้ำท่วมปอด กระดูกทับเส้น แล้วให้กลับมานอนรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน และนัดให้มาดูอาการอีกครั้งในวันที่ 17 ม.ค.ซึ่งคนไขก็รอไม่ไหว จึงต้องพากันมารับการรักษาที่ รพ.ขอนแก่นราม หากแพทย์ที่โรงพยาบาลเดิมที่เข้ารับการรักษาครั้งแรก วินิจฉัยโรคให้ถูกต้องรักษาให้ถูกตามอาการของนางสร้อยอาการดังกล่าวคงไม่หนักอีกทั้งยังไม่ยอมส่งตัวนางสร้อยตามขั้นตอนมาที่โรงพยาบาลมหาสารคามซึ่งญาติเคยร้องขอจากแพทย์เจ้าของไข้ว่าถ้าอาการหนักให้ส่งไปโรงพยาบาลมหาสารคามแต่แพทย์แจ้งว่าอาการไม่หนักให้กลับบ้านได้ในส่วนความรับผิดชอบที่ทางหน่วยงานโรงพยาบาลแรกที่ทำการรักษาตนก็อยากให้ ช่วยเหลือออกค่าใช้จ่ายในระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลขอนแก่นราม ของนางสร้อยผู้ป่วยและต้องชดเชยที่นางสร้อยต้องกลายเป็นผู้พิการด้วยตามความเหมาะสม

นายปกาญจน์ นพศรี ประธานสภาทนายความศาลจังหวัดพล

ด้าน นายปกาญจน์ นพศรี ทนายความ กล่าวว่าตนได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากทางญาติผู้ป่วย ขอให้มาดูเรื่องข้อกฎหมายให้ด้วยในเรื่องการวินิจฉัยโรคผิดพลาดของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคาม ตนจึงมาดูอาการของคุณยาย ปรากฏว่าถูกตัดขาทิ้งแล้ว ตนจึงสอบถามจากแพทย์ที่ทำการรักษา ก็รับทราบว่าถ้าโรงพยาบาลแรกวินิจฉัยโรคถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก และทำการรักษาถูกต้องแต่ครั้งแรก คุณยายแกก็คงไม่ถึงขั้นได้ตัดขา ซึ่งตนก็จะเก็บเป็นข้อมูลไว้ แต่ตอนนี้ก็คงต้องรอดูก่อนว่า ทาง รพ.เดิมที่จังหวัดมหาสารคามจะออกมารับผิดชอบให้กับผู้ป่วยอย่างไรบ้าง

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง