แม่ค้าเขียงหมูเครียดหนัก ราคาเนื้อหมูขึ้นทุกวันพระ พรุ่งนี้ประกาศแล้วเพิ่มอีก 6 บาทต่อกิโลกรัม ตกกิโลกรัมละ 246-250 บาท โอด! ขายมากว่า 10 ปีไม่เคยเห็นราคาแพงขนาดนี้ ทำลูกค้าหาย กำลังซื้อลดลง จากเคยขายได้วันละ 2-3 ตัว ตอนนี้ตัวเดียวก็ขายไม่หมด และราคาก็ไม่ธรรมดา จากตัวละ 7-8 พันบาทพุ่งสูงเท่าตัว ไม่เชื่อว่ารัฐจะแก้ปัญหาได้

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 16 ม.ค.2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาหมูที่ตลาดสดต่างๆในจังหวัดขอนแก่น โดยเฉพาะที่ร้าน ปาริตาหมูสด ภายในตลาดสดหน้าโรงงานแหอวน ริมถนนเหล่านาดี ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบว่าราคาหมูสดส่วนต่างๆยังคงพุ่งสูงต่อเนื่องล่าสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 240 บาท หมูบดราคากิโลกรัมละ 200 บาท กระดูกเล้งกิโลกรัมละ 80 บาท เครื่องในหมูกิโลกรัมละ 50-60 บาท ซึ่งจากการสำรวจบรรยากาศการซื้อขายหมูสดในตลาดพบว่าลูกค้าเบาบาง คนเลือกซื้ออย่างอื่นแทนการนำหมูมาประกอบอาหาร หรือบางคนที่มาซื้อหมูก็ลดกำลังการซื้อลง จากเดิมเคยซื้อหลายกิโลกรัมต่อครั้งก็เหลือเพียงครึ่งกิโลกรัมถึง 1 กิโลกรัมเท่านั้น

จากการสอบถามนางปาริตา พิมพ์ศรี อายุ 50 ปี เจ้าของเขียงหมูปาริตาหมูสด บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ราคาหมูขณะนี้ยังคงขึ้นสูงต่อเนื่องต่อเนื่อง ซึ่งตนเองขายหมูมากว่า 10 ปี ไม่เคยเห็นราคาหมูแพงขนาดนี้มาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ปี 64 แพงมาอย่างต่อเนื่องแพงมาตลอดปี ยิ่งช่วงปีใหม่ยิ่งขึ้นสูงต่อเนื่องจนมาถึงตอนนี้ ซึ่งราคาหมูนั้นขึ้นทุกวันพระ ครั้งละ 8-10 บาท ซึ่งเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วหากราคาขึ้นก็จะขึ้นแค่ 2 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น แต่ปัจจุบันขึ้น 1.0 บาททุกๆวันพระ วันพระที่แล้วก็ขึ้น 10 บาท และวันพระพรุ่งนี้ทางฟาร์มหมูก็แจ้งมาแล้วว่าจะขอปรับราคาขึ้นอีก 6 บาทต่อกิโลกรัม

ปัจจุบันที่ร้านจำหน่ายอยู่ที่ราคา 240 บาทต่อกิโลกรัม ในวันพรุ่งนี้ก็จะต้องขยับราคาขึ้นตาม สิ่งที่รัฐบาลออกมาพูดว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาราคาหมูอย่างจริงจัง เพื่อคุมราคาให้ลดลง ซึ่งก็ดีใจแต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่พูด และโครงการคนละครึ่งที่ร้านตนเองเข้าร่วมนั้น ถูกเก็บภาษีไปถึงกว่า 60,000 บาท ทั้งที่หมูไม่เคยมีกำไร ที่สแกนมาก็มีแต่ต้นทุนเท่านั้น ขอทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ ส่วนปัญหาราคาหมูที่ขึ้นสูงนั้น จากใจอยากจะพูดคือ เหมือนทางบริษัทซีพีปั่นตลาด หมูของซีพีไม่เคยขาด ทำเป็นหมูแช่แข็งลงห้างต่างๆทั้งหมด เหมือนต้องการให้พ่อค้าแม่ค้าเขียงหมูเลิกขายไปเลย

แต่เราขายหมูสด มันเป็นอาชีพของเรา และหมูสดคนจะนิยมซื้อมากกว่าหมูแช่แข็ง ก็เหมือนว่าจะมีการปั่นตลาด และที่ส่งเนื้อหมูออกไปต่างประเทศ ก็ขายให้ฝรั่งราคากิโลกรัมละร้อยกว่าบาท แต่คนไทยกินหมูของไทยกิโลกรัมละเกือบ 300 บาท ถ้าหากซีพีหยุดการส่งออกนอกแล้วทำให้ราคาในประเทศนิ่งแล้วค่อยส่งออกจะดีกว่าไหม เพราะตอนนี้ในประเทศไทยขาดตลาดสาเหตุมาจากการที่หมูเป็นโรค ทำให้ฟาร์มเล็กฟาร์มน้อยอยู่ไม่ได้ อีกทั้งซีพีเองยังเป็นผู้จำหน่ายหัวอาหารเอง เจ้าของฟาร์มเล็กๆไม่สามารถสู้ราคาไหวก็ต้องปิดกิจการฟาร์มไป แต่กลับกันซีพียังคงขายหมูได้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดแคลนหมุ กลายเป็นผลกระทบต่อพ่อค้ารายย่อย

นางปาริตา บอกอีกว่า ราคาหมูที่ปรับขึ้นนั้น ส่วนตัวจะขึ้นราคามากก็ไม่ได้ ลูกค้าหาย ส่วนใหญ่ที่มาซื้อก็จะลดกำลังการซื้อลง จากเคยซื้อหลายกิโลกรัมก็เหลือแค่ครึ่งกิโลกรัมถึง 1 กิโลกรัมเท่านั้น บางคนลดกำลังซื้อลงไม่ถึงครึ่งกิโลกรัม ขอซื้อแค่ 40-50 บาท พอขายให้ลูกค้าก็สงสารลูกค้า เพราะได้น้อย ส่วนภาระหนี้ตอนนี้ก็คงจำใจปล่อยให้ยึดรถยึดบ้านไป ยอมรับว่าตอนนี้เครียดมาก ไม่มีกำไรตั้งแต่ก่อนปีใหม่ จะได้ก็ได้เล็กๆน้อยๆพอได้มีเงินเลี้ยงครอบครัว ปกติที่ร้านเคยรับหมูมาขายครั้งละ 2-3 ตัว ตอนนี้ตัวเดียวแทบจะขายไม่หมด ส่วนราคาหมูเป็นตัวก็เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากปกติเคยซื้อ7,000-8,000 บาท ตอนนี้เฉลี่ยราคาตัวละ 13,000 – 15,000 บาท

สิ่งที่อยากจะพูดตอนนี้อยากจะฝากไปถึงหลายๆคนที่มีส่วนทำให้ราคาหมูแพง โดยเฉพาะเจ้าสัวต่างๆ ทุกอย่างรอบข้างมีแต่ของเจ้าสัว รวยอันดับต้นๆของประเทศ อยากจะให้ช่วยพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนผู้บริโภค เพราะรัฐบาลคงช่วยแก้ปัญหาไม่ได้ ขอให้เจ้าสัวต่างๆช่วยประชาชนคืนกำไรให้ประชาชนด้วย