ขอนแก่น วงจรปิดคนร้ายหลอกจำรหัสเอทีเอ็มก่อนตามไปเปลี่ยนบัตรรูดเงินแสน (มีคลิป)

วงจรปิดจับภาพวินาทีคนร้ายทำทีเข้าไปสอบถามช่วยคุณป้าวัย 60 ปี ชาวอ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น กดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็ม ก่อนจะสะกดรอยตามเหยื่อจนถึงบ้านแล้วหลอกสับเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มซึ่งเป็นธนาคารเดียวกันไปกดเงินกว่า 1 แสนบาทในบัญชีเหยื่อไป เหลือไว้เพียง 33 บาท สุดท้ายไม่รอดตำรวจตามจับได้ทันควันหลังหลบหนีไปซื้อทองข้ามอำเภอ

        นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ริมถนนมิตรภาพ สายขอนแก่น-นครราชสีมา อ.บ้านไผ่ ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น บันทึกภาพคนร้ายเป็นชายวัยกลางคน สวมเสื้อคอโปโลสีขาว กางเกงขายาว เดินตามเหยื่อที่มากดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มที่ตั้งอยู่ตรงข้ามห้าม แล้วจดจำรหัสบัตรก่อนตามไปสับเปลี่ยนบัตรถึงบ้านไปกดเอาเงินในบัญชีจำนวน 103,200 บาทไป เหลือไว้ในบัญชีให้เหยื่อดูต่างหน้า 33 บาท ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 17 ธ.ค.2564 ที่ผ่านมา

        ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ธ.ค.2564 พ.ต.อ.พิชัยภูษิส จารุพงศ์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.ท. มนตรี สุปะตำ รอง ผกก.สส.สภ.บ้านไผ่ และชุดสืบสวน ควบคุมตัว นาย สุเมธ ตาลอรัญ อายุ 44 ปี ชาว ต.เพ็กใหญ่ อ.พล จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว พร้อมของกลางเงินสด 72,000 บาท สร้อยคอทองคำนำหนัก 2 สลึง จำนวน 2 เส้น และชุดที่ใส่ในวันก่อเหตุ มาสอบสวนดำเนินคดี โดยมีผู้เสียหายคือ นางรุจ รัตนปัญญา อายุ 60 ปี ชาว อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น มาชี้ยืนยันตัวผู้ก่อเหตุ โดยผู้เสียหายพอทราบว่าได้ทรัพย์สินคืนก็ดีใจอย่างมากเพราะเป็นเงินที่มีอยู่ทั้งหมดในบัญชี ไหว้ขอบคุณตำรวจที่ช่วยติดตามคนร้ายและนำทรัพย์สินมาคืนให้ได้

        พ.ต.อ.พิชัยภูษิส จารุพงศ์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ เปิดเผยรายละเอียดการจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงสายวันที่ 17 ธ.ค.2564 ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้นำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านไผ่ ว่าถูกชายในภาพกล้องวงจรปิดหลอกสับเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มไป แล้วไปกดเอาเงินสดในบัญชีของผู้เสียหายไปจำนวน 103,200 บาท หลังรับแจ้งทางพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบหาหลักฐานโดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่อยู่บริเวณหน้าห้างและภายในห้างซึ่งบันทึกภาพผู้ก่อเหตุ เดินสะกดรอยตามผู้เสียหาย ก่อนที่ผู้เสียหายจะไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มแต่กดไม่ได้เนื่องจากหน้าจอแจ้งว่าระบบขัดข้องงดใช้ชั่วคราว

        ผู้ก่อเหตุจึงมาสอบถามและทำบางอย่างทำให้ตู้ใช้งานได้ ผู้เสียหายจึงเสียบบัตรเอทีเอ็ม กดรหัสโดยมีชายดังกล่าวยืนบอกอยู่ข้างๆ ก่อนจะกดเงินสดออกมาจำนวน 5,000 บาท พอผู้เสียหายกดเงินเสร็จก็แยกจากผู้ก่อเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุยังสะกดรอยตามเข้าไปถึงในห้าง โดยผู้เสียหายกลับมากดเงินอีกครั้งแต่ตู้ขัดข้องจึงกลับไปซื้อของแล้วไปทานอาหารตรงริมถนนมิตรภาพหน้าห้าง แล้วกลับเข้าบ้านซึ่งอยู่ใกล้ๆกับห้าง ก็มีชายคนดังกล่าวขับรถจักรยานยนต์ตามมาที่บ้าน แล้วมาถามว่าเมื่อกี๊ได้กดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าห้างฯใช่ไหม ตนเองก็บอกใช่ ชายดังกล่าวจึงขอดูบัตรบอกจะขอดูเลขอะไรสักอย่างตนเองหยิบให้ก่อนที่ชายดังกล่าวจะเอาไปดูแล้วส่งบัตรคืนให้ แต่ผู้เสียหายไม่ทันรู้ตัวว่าบัตรเอทีเอ็มของตัวเองถูกสับเปลี่ยนไปเนื่องจากเป็นบัตรเอทีเอ็มธนาคารเดียวกัน ก่อนที่ชายดังกล่าวจะกลับไป

        ผ่านไปสักพัก มีข้อความในแอปพลิเคชันธนาคารแจ้งเตือนว่าเงินถูกถอนออกจากบัญชี และเหลือเงินอยู่ในบัญชีเพียง 33 บาท จึงรีบไปขอดูกล้องวงจรปิดก็พบชายดังกล่าวเดินตามจึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ที่ริมถนนสาย อ.พล – อ.หนองสองห้อง พื้นที่ ต.หนองเม็ก อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น

        โดยรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง หลังสอบปากคำก็ได้แจ้งข้อหา เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย , ฉ้อโกงทรัพย์, เอาไปซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่นหรือประชาชน,ใช้บัตร อิเล็กทนิกส์ที่ผู้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ ใช้เบิกเงินสด ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง