อำลา นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น

6

ย้าย นพ.สสจ.ขอนแก่น ผู้ว่าฯ ขอนแก่น กล่าวขอบคุณและชื่นชม ดร.นพ.สมชายโชติ คุณหมอใหญ่ คนดี คนเก่ง อวยพรให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นด้วย

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุข ได้มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ตำแหน่งนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ที่ 1024/2564 ลงวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2564 จำนวน 21 ราย ทั้งนี้ มี “หมอมิตร” นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ด้วย ซึ่งจะต้องเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ส่วนราชการใหม่ ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ภายในวันที่ 4 ตุลาคม 2564 นั้น

ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึง นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ในว่า สำหรับหมอใหญ่ ที่ชื่อ ดร.นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา ที่ได้ทำงานด้วยกันที่จังหวัดขอนแก่น เป็นระยะเวลาถึง 3 ปี นั้น ถือว่าเป็นโชคดีของผม ที่ได้ทำงานกับคนเก่ง มีภาวะผู้นำสูง มีความรับผิดชอบและให้ความสำคัญกับทุกภารกิจ ผมได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมาย จากการได้ทำงานร่วมกัน และนำมาปรับปรุงการทำงานของผมให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ต้องขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข ที่ส่งคุณหมอใหญ่ คนดี คนเก่ง มาช่วยทำงานและทำให้งานด้านสาธารณสุข ในจังหวัดขอนแก่นก้าวหน้าโดดเด่น

“ดร.นพ.สมชายโชติ ทำงานอย่างทุ่มเท เสียสละ สู้กับงานทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานชั้นเยี่ยม เป็นทั้งครูชี้แนะในหลายๆ เรื่อง ผมจะจดจำบุคคลที่ทรงคุณค่าของกระทรวงสาธารณสุขชื่อ ดร.นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา ไว้ตลอดไป ขอให้มีความสุขและเจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการ”

สำหรับ ดร.นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา เดินทางมาปฏิบัติราชการที่ จ.ขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2561 รวมกว่า 3 ปี กล่าวว่า การที่ได้มาทำงานที่ จังหวัดขอนแก่น เป็นการพิสูจน์ตัวเองว่า ตนมีอะไรดี ที่จะทำงานได้อย่างภาคภูมิว่า หมอบ้านนอกคนนี้ เมื่อได้ทำหน้าที่ที่สูงขึ้นในเมืองใหญ่นั้น มือถึงหรือไม่ จึงตั้งใจในการทำงาน ได้วางระบบการคิดหรือเรียกว่า Mindset ของการทำงาน การ Transformation ที่ไม่ใช่แค่ Change แต่มันคือการดึง DNA ความดีงามของคนทำงานให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ห่วงโซ่แห่งพลัง” ตั้งต้นด้วย ความจริง ดึงทุกความดีมาร่วมเสริม ที่มีระบบทั้ง รุก รับ สนับสนุน ที่ส่งผลให้ทุกคนมีที่ยืนอย่างสง่างามในท่ามกลางสิ่งที่เรียกว่า Disruption ที่คือการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่ผู้คนรุ่นใหม่ เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการของต่างๆ มากยิ่งขึ้น ทำให้มีการพัฒนาระบบ พัฒนาแนวคิด พัฒนาทางการจัดการ การทำงานที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงหรือบางครั้งมีการคิดค้นสิ่งต่างๆ ขึ้นมาใหม่ ที่มี 4 ปัจจัยที่ทำให้เกิดยุค Disruption คือ:

1.ความรวดเร็วทันใจ เพราะความรวดเร็วของการเปลี่ยนแปลงในสังคม ซึ่งต่างจากอดีตที่จะค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับ อาจจะเพราะด้วยเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของความรวดเร็วในการสื่อสาร ทำหลายๆ ด้านในยุคสมัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
2.การศึกษาและมุมมองของคนรุ่นใหม่ ได้นำความรู้และมุมมองในด้านต่างๆ ที่ไม่เคยมีในสมัยก่อน มาปรับประยุกต์ใช้ในการทำงาน ที่ต้องเผชิญกับการไม่แน่นอนว่า มันจึงส่งผลกระทบไปทั่วโลก
3.ความเชื่อมั่น ที่มีแนวทางการมองโลกที่แตกต่างไปจากเดิม รวมไปถึงการที่ผู้คนมีความเชื่อมั่นในเส้นทางที่จะเลือกเดินและเลือกจะทำ ว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุด แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนที่ผู้ใหญ่ยุคเก่าๆ ได้วางไว้ให้
4.การรับรู้ข่าวสารข้อมูลที่มากยิ่งขึ้น จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่สามารถทำให้ผู้คนเข้าถึงแหล่งความรู้เพียงได้แค่มีโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว จึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มมองเห็นโลกกว้างในหลายๆ มุม และเกิดคำถามที่ว่าความชอบของตัวเองคืออะไร ความต้องการต่างๆ จึงมีการเปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง

“วันนี้ ตนได้ทำหน้าที่ในบทบาทนี้เสร็จ สำเร็จด้วยดี ตามตั้งใจไว้ ขอบคุณพลังแห่งความเป็นพวกเดียวกัน กัลยณมิตร ที่ร่วมกัน สานงานต่อ ก่องานเพิ่ม เสริมความดี ที่มีความงดงามร่วมกัน ที่เป็นความตราตรึงใจไว้ ที่จะเป็นพลังสถิตอยู่ให้กันและกันตลอดไป ความสุขในท่ามกลางกัลยาณมิตร งดงามเสมอ” ดร.นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา กล่าวสื่อสารประสบการณ์การทำงานร่วมกันกับกัลยณมิตรจังหวัดขอนแก่น ในตอนท้าย.

 

ไพฑูรย์ พรหมเทศ รายงาน

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง