นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวว่า บึงแก่นนครเป็นพื้นที่แก้มลิงที่สำคัญที่สุดของเขตเทศบาลฯ ที่ใช้ในการบริหารจัดการน้ำในเขตชุมชนเมืองทั้งระบบ เพราะน้ำกว่า 50 % ในเขตเทศบาลฯจะไหลรวมและมาลงที่บึงแก่นนคร โดยผ่านคลองร่องเหมืองผ่านท่อระบายน้ำต่างๆ ที่เทศบาลฯกำหนด ดังนั้นในพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตเทศบาลฯและพื้นที่ท้องถิ่นรอบข้างจึงต้องมีการกำหนดแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกัน ตั้งแต่ปริมาณน้ำไหลเข้า ,การจัดการจราจรทางน้ำและปริมาณน้ำที่ไหลออก จากบึงแก่นนคร ว่าติดขัด หรือจุดใดต้องเร่งแก้ไข รับมือกับมวลน้ำที่จะไหลหนุนเข้ามาในพื้นที่ในช่วงที่พายุฤดูร้อนพาดผ่านเขตจังหวัดในระยะนี้

“คณะทำงานร่วมทุกฝ่ายได้มีการสำรวจพื้นที่ต่างๆที่มีปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำซึ่งแต่ละจุดจะมีวิธีแก้ไขและปัญหาที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นติดตั้งเครื่องสูบน้ำ การบริหารจัดท่อระบายน้ำการขุดลอกท่อระบายน้ำเพื่อจัดเก็บเศษขยะที่ไปอุดตันตามตระแกรง รวมถึงมีรถให้บริการในกรณีน้ำท่วมแล้วการสัญจรไปมาไม่สะดวกจะมีรถของฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของเทศบาลฯไปช่วยอำนวยความสะดวกเป็นจุดๆ ซึ่งในเขตเทศบาลฯนั้นมีพื้นที่ที่น่าเป็นห่วง อยู่ 2-3 จุด ดังนั้นบึงแก่นนครต้องตรึงน้ำเอาไว้ในระบบให้ไวที่สุดและมากที่สุด ขณะเดียวกันพื้นที่ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก คือ หน้ามหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เทศบาลฯได้กำหนดแผนการดึงน้ำผ่านออกไปยังพื้นที่ด้านหลัง โดยขณะนี้มีการติดตั้งเครื่องระบายน้ำและนำกระสอบทรายไปมอบให้ ประชาชนที่มีการร้องขอมาเพื่อทำแนวกันน้ำและร่วมจัดระบบการจราจรของน้ำตามแผนที่กำหนด รวมไปถึงพื้นที่สามแยกจอมพล ถ.กสิกรทุ่งสร้าง ตรงนี้ถ้ามีน้ำหลากมาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นจะไหลลงผ่าน ซอยสวัสดีผ่านถนนมิตรภาพมาตรงชุมชนหลังศูนย์ราชการจะลงไปยังบึงทุ่งสร้าง ตรงนี้จะมีปัญหาทุกครั้ง เพราะถ้ามีฝนตกหนักเกิน 70 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงจะมีระดับน้ำที่ท่วมสูงทันที”

นายธีระศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักลงมาเกิน 70 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะส่งผลต่อการะบายน้ำที่ช้าลง ดังนั้นการเร่งจัดการจราจรทางน้ำและการระบายน้ำพร้อมกันในภาวะที่ฝนตกหนักจึงเป้นสิ่งที่คณะทำงานและเจ้าหน้าทีที่ประจำจุดเสี่ยงจะต้องบริหารจัดการพื้นที่ให้เหตุการณ์นั้นกับเข้าสุ่ภาวะปกติโดยเร็ว อย่างไรก็ตามขณะนี้เทศบาลฯได้จัดเตรียมกระสอบทรายนับหมื่นลูกสำหรับการแจกจ่ายให้กับประชาชนนำไปวางแนวกันน้ำไม่ให้ไหลเข้าบ้้านเรือนซึ่งสามารถเข้ารับกระสอบทราบได้ที่ฝ่ายป้องกันฯของเทศบาลฯได้ตลอดเวลา

ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนภัย “พายุโซนร้อนกำลังแรง “โกนเซิน” ล่าสุด ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 11 กันยายน 2564 ว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ พายุโซนร้อนกำลังแรง “โกนเซิน” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 15.7องศาเหนือ ลองจิจูด 110.8 องศาตะวันออก กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นและเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลาง ทางตอนเหนือของเมืองดานัง ในช่วงวันที่ 12-13 กันยายน 2564 ในขณะที่มีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้จึงส่งผลทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร และอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังโดยหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ควรงดออกจากฝั่ง จนถึงวันที่ 14 กันยายน 2564

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง  ประกาศ ณ วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 05.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปใน วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 11.00 น.