นักธุรกิจสาวชาวขอนแก่นบุกทวงเงินลงทุนกลางโรงพักสูญ20ล้าน (มีคลิป)

news2021_Facebook1

นักธุรกิจชาวขอนแก่นบุก สภ.เวฬุวัน ทวงเงิน อ.ไทเกอร์ 20 ล้านบาท ซึ่งร่วมลงทุนเทรดเงินสกุลเงินต่างประเทศ หลังตำรวจรวบตัวได้เมื่อวานที่ผ่านมา พบมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วเฉพาะ.สภ.เวฬุวัน รวม 12 ราย มูลค่ารวมกว่า 19 ล้านบาท ด้านผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

        เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 สิงหาคม 2564 ที่สภ.เวฬุวัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น พ.ต.อ.รุงศักดิ์ จงกลรัตน์ ผกก.สภ.เวฬุวัน และ พ.ต.ท.มนตรี ทองนอก รองผกก.(สอบสวน)สภ.เวฬุวัน นำตัวนายไผทรัฐ รัญมาศรี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111ม.8 ต.เกาะกลาง อ.เกาลันตา จ.กระบี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 148/ 2564 ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2564 ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และข้อหากู้เงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ออกจากห้องควบคุม มารทำการสอบสวน

        พ.ต.อ.รุงศักดิ์ จงกลรัตน์ ผกก.สภ.เวฬุวัน เปิดเผยภายหลังการสอบสวนผู้ต้องหาว่า เนื่องจากในช่วงปี 2562 ถึงเดือนกันยายน 2563 นายไผทรัฐ ได้มาเปิดบริษัทชื่อบริษัท เอเอฟเอ กรุ๊ป จำกัด อยู่ที่บ้านท่อน หมู่ 8 ต.โนนท่อน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเปิดสอนและให้คำปรึกษา พร้อมวางแผนการเงินและดูแลการลงทุนเป็นการส่วนตัว เพื่อช่วยเหลือผู้มารับคำปรึกษา ให้มีการวางแผนการเงิน และได้เชิญชวนให้ผู้เสียหาย ให้ร่วมลงทุนเทรดเงินสกุลเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินดอลล่า เป็นการเก็งกำไรจากการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ

        ซึ่งการลงทุนนั้นมีประชาชนในทุกสาขาอาชีพ เข้าร่วมรับฟังการอบรมการสอนในเรื่องของค่าเงินต่างประเทศ ประชาชนหรือผู้เสียหายสนใจก็นำเงินมามอบเงินให้ผู้ต้องหาที่บริษัทหรือโอนให้ผู้ต้องหา เพื่อให้ผู้ต้องหาเทรดเงินให้ ส่วนการเทรดเงินนั้น ประชาชนที่นำเงินมาร่วมทุนหรือมาเทรดจะได้ส่วนแบ่งมากน้อยอยู่ที่ค่าของเงินดอลล่าในแต่ละวัน แต่จะได้ไม่ต่ำกว่า 60% และทางฝ่ายผู้ต้องหาจะได้ 40%

พ.ต.อ.รุงศักดิ์ จงกลรัตน์ ผกก.สภ.เวฬุวัน
พ.ต.อ.รุงศักดิ์ จงกลรัตน์ ผกก.สภ.เวฬุวัน

        ผกก.สภ.เวฬุวัน กล่าวอีกว่า นายไผทรัฐ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ มีการสอนและการชักชวนประชาชนมาร่วมทุน โดยมีการเชิญคนมีชื่อเสียงมาเป็นวิทยากรอบรม มีคนมาเข้าอบรมมากเช่นกัน ประชาชนจึงหลงเชื่อจำนวนมาก แต่มีคนกล้าเข้าแจ้งความเพียง 12 ราย รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 19 ล้านบาท และในการที่ประชาชนกล้านำเงินมาเทรดก็เพราะผู้ต้องหารับประกันทุนที่ลงได้กำไรแน่นอน ผู้เสียหายที่หลงเชื่อนำเงินมาร่วมทุนร่วมเทรด และในเบื้องต้นได้ผลตอบแทนดีทุกราย แต่ในช่วงปลายปี 2563 ไม่ได้ผลตอบแทนและถอนทุนคืนไม่ได้ ผู้เสียหายทวงถามก็เพิกเฉย และปิดบริษัทหนีไป ผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสภ.เวฬุวัน จำนวน 12 ราย ให้ทำการสืบสวนจับกุม นายไผทรัฐ รัญมาศรี อายุ 40 ปี มาดำเนินการตามกฎหมาย

        เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับ ซึ่งเมื่อมีหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งหมายจับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดต่างๆทั่วประเทศ เพื่อทำการจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าว กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงประสานงานมาให้ตำรวจสภ.เวฬุวันไปรับตัวมารดำเนินคดีตามกฎหมาย

        ผกก.สภ .เวฬุวัน กล่าวต่ออีกว่า การสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และว่า มีการสอบ มีการอบรมจริง แต่การลงทุนประชาชนเต็มใจนำเงินมาร่วมเทรดเองไม่ได้มีการชักชวนแต่อย่างใด ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะให้การ เพราะพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและขอศาลออกหมายจับ ตามพยานหลักฐานที่มี ซึ่งในชั้นพนักงานสอบสวนก็คัดค้านการประกันตัว และภายหลังการสอบสวนก็จะส่งตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ตามขั้นตอนต่อไป

        และในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาจากห้องควบคุมมาทำการสอบสวนนั้น มีผู้เสียหายซึ่งเป็นนักธุรกิจ ชาวจังหวัดขอนแก่นเป็นหญิงสาว 2 ราย มารอพบผู้ต้องหาที่หน้าห้องสอบสวน เมื่อพบหน้ากัน ฝ่ายผู้เสียหายได้ตะโกนขอความเห็นใจจากผู้ต้องหาว่าขอเงินคืน เพราะขณะนี้ครอบครัวกำลังเดือดร้อน แต่ไม่มีเสียงตอบจากผู้ต้องหาแต่อย่างใด

        ในเวลาต่อมา น.ส.อ้อม อายุ 49 ปี ผู้เสียหายที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ นามสกุลที่อยู่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นนักธุรกิจในจังหวัดขอนแก่น มีเพื่อนแนะนำให้เข้าร่วมฟังการอบรมที่บริษัท เอเอฟเอ กรุ๊ป จำกัดที่บ้านท่อน ต.โนนท่อน อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อเข้ารับฟังแล้ว ก็เชื่อในสิ่งที่ผู้ต้องหาพูด และผู้ต้องหาก็ชวนให้นำเงินมาร่วมลงทุน จึงได้นำเงินมาให้ผู้ต้องหาเทรดเงิน ซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ ลงทุนครั้งแรก 1 ล้านบาท ก็ได้รับส่วนแบ่งตามที่ตกลงคือ 60 และ 40 หมายถึงเจ้าของเงินจะได้ส่วนแบ่ง 60% บริษัทและตัวผู้ต้องหาหรือบริษัทได้ 40% เมื่อเห็นว่ามีรายได้จริง จึงทยอยร่วมลงทุนมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2562-2563 รวมหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท แต่ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไร เนื่องจากผู้ต้องหาแจ้งว่า ได้นำเงินส่วนแบ่งไปลงทุนเพื่อเพิ่มกำไรหมดแล้ว ทีแรกก็เชื่อ แต่ต่อมาไม่มีการแจ้งในเรื่องของผลกำไร ไม่ทราบผลส่วนแบ่งต่างๆที่ควรจะได้ จึงทวงถามและตามหาเพื่อขอเงินทุน 20 ล้านบาทคืน แต่ผู้ต้องหาปิดบริษัทหนีไปแล้ว จึงรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ เพื่อติดตามตัวผู้ต้องหา ให้นำเงินต้นที่ลงทุน 20 ล้านบาทมาคืน ถ้าไม่คืนก็ให้ตำรวจส่งตัวเข้าคุกตามขบวนการทางกฎหมาย

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง