เปิดปฎิบัติการ 'เงินออมจากอนาคต' นำร่องที่ขอนแก่น   


19 พฤษภาคม 61 12:13:31

กับอีกหนึ่งแนวทางการบริหารงานที่เน้นหนักไปในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพกำลังพลภายในหน่วย ในเรื่องของการดำเนินชีวิตที่มีการวางแผนร่วมกัน เพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยเฉพาะในวัยเกษียณอายุราชการ ซึ่งกองทัพบก มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพกำลังพลที่พร้อมต่อการปฎิบัติงาน ทั้งในเรื่องของหน้าที่งานประจำที่ทำ รวมทั้งการบริหารจัดการตนเองแบบองค์รวม การดำเนิน "โครงการโปรแกรมออมจากอนาคต" จึงเกิดขึ้น นำร่องที่ กองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 8 หรือ ที่รู้จักกันว่า ร.8 พัน 3 ค่ายสีหราชเดโชชัย จ.ขอนแก่น หน่วยกำลังรบหลักที่สำคัญของภาคอีสาน ที่วันนี้กำลังพลภายในหน่วยได้สมัครเข้าร่วมโครงการนี้แล้วทุกนาย และเมื่อคำนวณสัดส่วนเงินออมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กำลังพลบางนายเมื่อเกษียณอายุราชการไปแล้วจะมีเงินเก็บสูงถึง 1,000,000 บาท

พ.ต.อนุชา มหาลีวีรัศมี นายประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก กล่าวว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ร้อย ประจำ ร.8 พัน 3 และในฐานะอดีตผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ ร.8 พัน 3 จำกัด  ได้รับทราบถึงสภาพความเป็นอยู่และความต้องการของกำลังพลภายในหน่วย ซึ่งปัญหาที่พบคือส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องค่าครองชีพ จึงได้ทำการสำรวจในหมวดของเงินออม ในการดำเนินงานของสหกรณ์ประจำหน่วย ที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2531 โดยในปี 2557-2558 ในช่วงที่รับราชการที่ขอนแก่น กำลังพลที่เกษียณอายุราชการ หรือสมัครใจออกจากการรับราชการ มีเงินเก็บสะสมที่ค่อนข้างน้อย ในฐานะผู้นำหน่วยคิดว่าถ้ายังคงใช้วิธีเดิมในการออมเงินเช่นในอดีต จะมีเงินเก็บไม่พอเพียงค่าใช้จ่ายในโลกอนาคต โดยเฉพาะหลังสิ้นสุดการรับราชการ เพราะปัจจุบันการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นไปในรูปแบบของทุนนิยมที่หนักไปในเรื่องของการใช้เงิน หากไม่มีแผนการออมเงิน ที่มีประสิทธิภาพ ยึดหลักคำสอนในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้แล้วนั้น อาจจะเกิดปัญหาดังเห็นได้จากหลายตัวอย่างที่เกิดขึ้น

พ.ต.อนุชา มหาลีวีรัศมี นายประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก 

“การสร้างแรงจูงใจในการออม เริ่มต้นจากการชี้ให้เห็นว่าปัญหาในอดีตเกิดอะไรขึ้น ในอนาคตเราจะไปอย่างไร วิธีการนำเสนอ คือ การใช้รูปแบบกราฟที่หน่วยฯได้ประสานงานกับ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มาแสดงให้กำลังพลทุกคนเห็นว่าถ้าเราใช้วิธีเงินออมแบบเดิม เมื่อเกษียณแล้วจะมีเงินเก็บเพียงแค่ 200,000 -300,000 บาท แต่ถ้าเข้าร่วมโครงการออมเงินจากอนาคต ระยะการออม 20-30 ปี โดยเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายกำลังพลอายุน้อยที่เพิ่งเข้ารับราชการไม่นาน และเมื่อถึงวัยเกษียณจะมีเงินออมประมาณ 1,000,000 บาท วันนี้กำลังพลของหน่วยเข้าร่วมโครงการ 158 คน ลาออก 2 นาย และขอกลับเข้าโครงการฯ 1 นาย อีกนายจะเกษียณราชการแล้วจึงไม่ร่วม  


 
สำหรับทหารทุกนายที่เข้าร่วมโครงการมีสัดส่วนการออมเพิ่ม คือ การนำส่วนของเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นจากฐานเงินเดือนเดิม  มาออมเพิ่มในอัตราส่วนระหว่าง ร้อยละ 10-15-20 แล้วแต่ใครจะเลือกออมเพิ่มในอัตราร้อยละเท่าไหร่จากเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น สมมุติฐานเงินเดือน 15,000 บาท และเลือกออมเพิ่มจากเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นอัตราร้อยละ 20   ทั้งนี้กองทัพบกจะขึ้นเงินเดือนปีละ 2 ครั้ง เริ่มโครงการนี้ปลายปี 59 ตอนนี้เงินเดือนขึ้นมา 3 ครั้งแล้ว โดยเงินเดือนเพิ่มรอบแรก 675 บาท (ฐานเงินเดือน 15,000 บาท ค่าเฉลี่ยเงินเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5)  ร้อยละ 20 ของ 675 บาท คือ 135 บาท  เดิมที่ทหารแต่ละนายต้องออมในสหกรณ์ฯเดือนละ 700 บาท บวก 135 บาท ก็จะออมเพิ่มเดือนละ 835 บาท ออมแบบนี้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเสียอะไร ไม่ต้องลดการบริโภคในปัจจุบัน และเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นก็ยังได้รับเช่นเดิมเพียงแต่หักส่วนหนึ่งที่เพิ่มมาเข้าสมทบเงินออม ดังนั้น ทุกครั้งที่เงินเดือนเพิ่ม จำนวนเงินออมต่อเดือนก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยในทุกๆปี จนถึงวันเกษียณอายุราชการก็จะมีเงินเก็บมากกว่าการออมแบบเดิม”

ขณะที่ ผศ.ดร.ภูมิสิทธิ์ มหาสุวีระชัย อาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) กล่าวว่า โครงการเงินออมจากอนาคตเป็นโปรแกรมและขั้นตอนที่ใช้หลักวิชาการมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ด้วยการสำรวจว่าทำไมกำลังพลของหน่วยแห่งนี้มีการออมที่น้อย ซึ่งค้นพบคำตอบ คือ การให้ความสำคัญกับปัจจุบัน ที่ถือเป็นหลักของคนทั่วไป ที่ให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากกว่าอนาคต โดยไม่มองถึงเงินออมในอนาคต และมองว่าการใช้เงินในปัจจุบันนั้นประโยชน์จะเกิดขั้นทันที ซึ่งทหารที่หน่วยแห่งนี้ก็เช่นกัน เหตุนี้เราจึงเปลี่ยนแนวความคิดในการออมเงินใหม่ โดยไม่ดึงเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันมาออมเพิ่ม เปลี่ยนมาเป็นดึงเงินจากอนาคตมาออมเพิ่มแทน ซึ่งนั่นก็คือรายได้หรือเงินเดือนที่ทหารหน่วยนี้จะได้ในอนาคต เราก็หักจากส่วนเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นมาออมเพิ่ม เขาก็จะไม่รู้สึกเสียอะไร เงินเดือนที่เพิ่มมาก็ยังได้ใช้จากส่วนต่างที่เหลือจากเงินที่ได้หักเข้าสมทบเงินออมแล้ว ซึ่งจากการดำเนินโครงการมานั้นทหารหน่วยนี้มีการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งทุกนายที่เข้าร่วมโครงการที่เป็นข้าราชการทหารในระดับสัญญาบัตรและประทวน ทุกคนรู้ว่าตัวเองนั้นมีเงินออมที่เพิ่มขึ้น 

ผศ.ดร.ภูมิสิทธิ์ มหาสุวีระชัย อาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) 

“หน่วยนี้มีการบังคับออมขั้นต่ำจากสหกรณ์ที่ของหน่วยคนละ 700 บาทต่อเดือน แต่สิ่งที่เจอจากข้อมูลย้อนหลัง 4-5 ปี พบว่าออมขั้นต่ำก็ยังคงออมเท่าเดิม ทั้งที่เงินเดือนเพิ่มขึ้นทุกปี แม้จะออมทุกเดือนแต่ก็เป็นยอดเงินเดิม คือเดือนละ 700 บาท ดังนั้นแนวทางการดำเนินงานเมื่อทุกนายเงินเดือนจะเพิ่มขึ้นปีละ 2 ครั้ง ประมาณ ร้อยละ 4.0-4.5 จากฐานปัจจุบัน ซึ่งถ้าเอาเงินเพิ่มจากที่ปรับขึ้นมานั้นมาออมในสัดส่วนร้อยละ 10 -15- 20 ตามความสมัครใจในส่วนที่เพิ่มขึ้นมา และมองไปในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นอายุราชการเฉลี่ยของหน่วยทหารแห่งนี้ ซึ่งหากหักเงินออมจากอนาคตหรือเงินที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 10-15 ก็จะมีเงินออมวัยเกษียณอยู่ที่คนละ 1,000,000 บาท ถ้าออมร้อยละ 20 เงินออมในอนาคตก็จะสูงขึ้นไปอีก อย่างไรก็ดีการออมในโครงการนี้นั้นเราวางไว้ที่ 3 อัตราคือ ร้อยละ 10 15 และ 20 ตอนแรกทำโครงการ อยากรู้ว่าในการที่จะดึงเงินในอนาคตมาออมนั้นจะจูงใจได้หรือไม่ จึงกำหนดรูปแบบไว้ที่ 3 อัตราดังกล่าว ในรูปแบบของเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น ทุกปี จุดนี้ทำให้ทหารหน่วยนี้สนใจเข้าร่วมโครงการอย่างมากและมีทหารหน่วยข้างเคียงประสานขอเข้าร่วมโครงการ หรือการจัดทำโครงการเฉพาะของแต่ละหน่วยเพิ่มขึ้นด้วย”  

จ.ส.อ.พงศ์พันธ์ พงษ์จอหอ รองผู้บังคับหมวดปืนเล็ก ร.8 พัน 3

ด้าน จ.ส.อ.พงศ์พันธ์ พงษ์จอหอ รองผู้บังคับหมวดปืนเล็ก ร.8 พัน 3 กล่าวว่า รูปแบบการดำเนินงานดังกล่าวนี้นั้นเป็นแนวทางที่ดี ในการออมเงินเพื่ออนาคต เพราะสุดท้ายของอายุราชการคือการเกษียณอายุราชการไปแล้วจะมีเงินเก็บไว้ใช้ ปัจจุบันได้สมัครเข้าร่วมโครงการโดยคิดที่อัตราเงินเดือน 15,000 บาท ออมร้อยละ 15 ซึ่งถ้าคำนวณอายุราชการพอเกษียณจะมีเงินเก็บอยู่ที่ราวๆ 1,000,000 บาท ปัจจุบันโดยส่วนตัวนั้นเงินเดือนอยู่ที่ ประมาณ 22,000 บาท ซึ่งเงินก็จะเพิ่มขึ้นทุกปี จึงตัดสินใจหักเงินออมในอัตราร้อยละ 15 จากเงินเพิ่มที่จะได้รับในอายุราชการกว่า 20 ปี จากนี้ไป ทั้งนี้การเข้าร่วมโครงการดังกล่าวนี้นั้น แม้กองทัพบก จะมีการจัดทำโครงการออมเดิมคือ การออมของ กบข.และการออมของสหกรณ์ ดังนั้นการออมรูปแบบใหม่นี้เป็นเงินที่หักจากในอนาคต โดยไม่ได้รับผลกระทบจากรายรับ ที่มีอยู่และรายจ่ายที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งเป็นข้อดีของการดำรงชีวิตในปัจจุบัน ทุกวันนี้กำลังพลในหน่วยดำเนินชีวิตปกติเพราะเงินเดือนนั้นเพิ่มอยู่แล้ว ปรับขึ้นปีละ 2 ครั้ง แต่เงินออมตรงนี้แทบไม่กระทบอะไรเลย เงินเดือนที่เพิ่มนั้นถูกออมไปโดยอัตโนมัติ ผมมั่นใจว่าในวัยเกษียณอายุราชการจะมีเงินเก็บหลักล้านบาทเลยทีเดียว







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS