ขอนแก่น สาวเข้าแจ้งความหลังมีคนแฮ็กเฟซบุ๊กแม่มายืมเงิน 7 หมื่น
สาวขอนแก่นเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น หลังมีมิจฉาชีพแฮ็กเฟซบุ๊กแม่ที่อยู่ต่างประเทศมายืมเงิน 70,000 บาท เจ้าตัวเอะใจเกือบโอนให้ แต่มีคนอื่นหลงเขื่อโอนไปแล้วจำนวน 30,000 บาท
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ต.ค.2562 ที่ สภ.เมืองขอนแก่น น.ส.กิตติริยาภรณ์ อายุ 22 ปี อยู่ที่หมู่ 10 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น นำหลักฐานเป็นข้อความแชทเฟซบุ๊กระหว่างตัวเองกับมิจฉาชีพที่แฮ็กเฟซบุ๊กแม่ของน.ส.กิตติริยาภรณ์ทักข้อความมาขอยืมเงินจำนวน 70,000 บาท และสลิปการโอนเงินของผู้เสียหายอีกรายที่ถูกมิจฉาชีพรายเดียวกันหลอกไปได้สำเร็จ จำนวน 30,000 บาท เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของแม่ตัวเองเนื่องจากถูกแอบอ้างในโลกโซเชียล และต้องการให้ทางตำรวจติดตามดำเนินคดีกับมิจฉาชีพรายนี้
โดย น.ส.กิตติริยาภรณ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเป็นลูกสาวของเจ้าของเฟซบุ๊ก คือนางจุฬาลักษณ์ นีเซเว่น ซึ่งปัจจุบันแม่อาศัยอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ถูกมิจฉาชีพที่แฮ็กข้อมูลเข้าเล่นเฟซบุ๊กส่วนตัวของแม่ ที่ใช้ชื่อว่า Chamod Chalala ซึ่งเมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. วันที่ 5 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา มีผู้สวมรอยเป็นแม่ของตนเองพูดคุยผ่านเฟซบุ๊กในชื่อดังกล่าว ทักข้อความมาขอยืมเงินตนเองจำนวน 70,000 บาท อ้างว่าโทรศัพท์หายไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินอะไรได้ จำเป็นต้องใช้เงินโอนให้ลูกค้าด่วน ขอให้โอนเงินเข้าเลขบัญชีลูกค้าให้ก่อน ซึ่งได้ให้หมายเลขบัญชีและชื่อบัญชีมา เป็นบัญชีธนาคารที่เมืองไทย ชื่อบัญชี นายนภัสรพี วงศรีแก้ว พร้อมพูดเร่งให้โอนเงินโดยด่วน แต่ตนเองเห็นว่ามีพิรุธจึงพูดคุยผ่านไลน์ส่วนตัวเพื่อสอบถามแม่โดยตรง จนทราบว่าตัวแม่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น จึงรู้ว่าแม่ถูกสวมรอยแน่ๆ จากนั้นจึงให้แม่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพื่อเตือนเพื่อนในเฟซบุ๊กให้ระวัง จนกระทั่งทราบว่ามีเพื่อนหลายคนถูกทักมาขอยืมเงินในเวลาไล่เลี่ยกัน และมีคนหนึ่งถูกหลอกและโอนเงินไปเลขบัญชีดังกล่าวจำนวน 30,000 บาท พร้อมกันนี้ยังมีเพื่อนๆและญาติพี่น้องเกือบ 10 คนถูกทักไปหาเพื่อขอยืมเงินเช่นกัน จึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความ พร้อมกันนี้ยังได้โพสต์เรื่องราวดังกล่าวเตือนภัยกับคนอื่นๆให้ระวังด้วย
ด้าน ร.ต.อ.สุรศักดิ์ กล้าจอหอ รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า คดีนี้ น.ส.กิตติริยาภรณ์ ยังไม่ได้เป็นผู้เสียหาย เนื่องจากยังไม่ได้เสียทรัพย์ ซึ่งได้ให้ลงบันทึกประจำวันไว้ พร้อมแนะนำให้ญาติที่เป็นผู้โอนเงินเข้ามาแจ้งความเอาผิดผู้ที่แอบอ้างและสืบสวนหาตัวผู้แอบอ้างมาดำเนินคดีต่อไป สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจึงขอฝากเตือนว่าหากมีการพูดคุยผ่านแชทเฟซบุ๊กหรือไลน์ขอให้ตรวจสอบจากเจ้าตัวโดยตรงก่อนที่จะโอนเงินไป เพื่อป้องกันการแอบอ้าง
