นักธุรกิจสาวขอนแก่น ร้องสื่อถูกโกงแชร์ทองคำกว่า12ล้านบาท   


28 มิถุนายน 62 05:50:44

ผู้เสียหายถูกหลอกร่วมลงทุนออมทองคำแท่ง ราคาถูกกว่าท้องตลาด สูญเงินกว่า 12 ล้านบาท ประวิงเวลาบอกจะจ่ายคืนแต่ยังไม่มีใครได้คืน พร้อมทั้งจากการตรวจสอบพบมีหมายจับผู้บริหารไฮโซรายนี้ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามดำเนินการตามกฎหมาย

    เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 มิถุนายน 2562 นายสาวเอ อายุ 34 ปี นักธุรกิจสาวชาวจังหวัดขอนแก่น(ผู้เสียหาย ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง ชาว จ.ขอนแก่น) เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนในจังหวัดขอนแก่น ให้ติดตามความคืบหน้ากรณีที่ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.ย่อยเมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น  ดำเนินคดีกับบริษัทที่หลอกให้ลงทุน โดยมีนักธุรกิจสาวชาวกทม. อายุ 40 ปี เป็นกรรมการผู้จัดการ


    เนื่องจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 มีเพื่อนมาชวนให้ร่วมลงทุนซื้อทองคำแท่งกับบริษัทดังกล่าว ว่าลงทุนแล้วจะได้กำไรดี จึงเกิดความสนใจจากนั้นก็เข้าไปดูที่เฟซบุ๊กของบริษัทพร้อมทั้งแอดไลน์เข้าไปในกลุ่มของผู้ร่วมทุนของบริษัทฯ และตกลงร่วมทุนกัน โดยสมัครเป็นสมาชิกและเป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งในเบื้องต้นทางบริษัทแจ้งว่า มีค่าสมัคร 5,999 บาท ส่วนค่าประกันการลงทุนนั้น หากตัวแทนจำหน่ายสมัครและร่วมลงทุนทองคำแท่ง ถ้าไม่เกิน 300 แท่ง หรือ 300 กรัม ไม่ต้องเสียค่าประกัน  แต่ถ้าลงทุน 300-3,000 แท่ง ต้องเสียค่าประกัน 50,000 บาท ในขณะที่การลงทุนในโปรเจกต์แรกได้ตัดสินใจซื้อทองคำไปทั้งหมด 530 กรัม ราคาขณะนั้นอยู่ที่กรัมละ985บาท รวมเป็นเงิน 522,050 บาท จึงต้องเสียค่าประกันการลงทุน 50,000 บาท  โดยแบ่งการลงทุนออกเป็นเดือนละ 2 ครั้ง คือทุกวันที่ 15 และวันที่ 25 ซึ่งบริษัทจะมีการคืนกำไรให้กับผู้ร่วมทุนจากราคาทองคำแท่ง อิงราคาตามตลาดกลาง ในทุกวันที่ 16 และ 26 ของเดือนถัดไป ซึ่งการดำเนินการในโปรเจกต์แรก ในระยะแรกเป็นไปด้วยดี

    กระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2561 บริษัท ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก ยกเลิกการลงทุนพรีออร์เดอร์โปรเจกต์แรก และเชิญชวนให้สมาชิก ร่วมลงทุนใน โปรเจกต์ 2 ในปี 2562  อย่างเดียว  เป็นการระดมทุน โดยให้ตัวแทนลงทุนครั้งเดียว รับเงินปันผลเป็นรายปี ใครลงทุนมาก ก็ได้ผลกำไรมาก เพราะบริษัทจะคืนทุนและปันผลให้ 50% จึงปิดยอดโปรเจกต์ 1 ไปด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2561 และ 25 ธันวาคม 2561 รวมเป็นเงิน 4,119,450 บาท และทั้งโยกเงินจำนวนดังกล่าวไปร่วมทุนในโปรเจกต์2 ซึ่งเชื่อว่าน่าจะได้ผลกำไรที่ดีเพราะจะได้ปันผลคืน 50% จึงได้โอนเงินเข้าร่วมลงทุนเพิ่มอีกในวันที่ 27 ธันวาคม2561เพิ่มเข้าไปอีกจำนวน 1,075,350 บาท รวมเป็นเงินที่ร่วมทุนในโปรเจกต์ 2 จำนวน 5,194,800 บาทโดยโอนเข้าบัญชีของไฮโซรายดังกล่าว เพื่อนำเงินร่วมลงทุนซื้อทำคำได้ทั้งหมด 5,200แท่ง หรือ5,200กรัม

    ขณะนั้นบริษัทได้กำหนดราคาทองคำให้ผู้ร่วมทุนอยู่ที่ ราคากรัมละ 999 บาท ต่อมาเดือนมกราคม 2562 ซึ่งครบกำหนดที่จะได้รับเงินปันผลคืนจากโปรเจกต์แรกก็ยังไม่ได้  แต่ผู้ร่วมทุนที่เข้าร่วมในโปรเจกต์ 2 ก็ยังมีการโอนเงินให้กับทางบริษัท ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน 2562 และเดือนเมษายนเป็นเดือนที่บริษัทประกาศปิดโปรเจกต์ 2 โดยส่วนตัวได้ร่วมทุนกับบริษัทในโปรเจกต์ 2 ซึ่งคิดตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดคือ ปันผลคือให้ 50% นั้น แยกเป็นทองคำแท่ง 8,726 แท่ง คิดจากราคาที่บริษัทกำหนดกรัมละ 999 บาท รวมเป็นเงิน 8,717,274บาท รวมเงินที่โอนเข้าบัญชีตั้งแต่แรกเริ่มรวม โปรเจกต์ 2 จำนวน  5,194,800 บาท รวมกำไรที่ได้จากการร่วมทุนระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน จำนวน 3,496,360บาท ซึ่งยอดกำไรนั้น คิดจากราคาทองคำตลาดกลางในทุกวันที่ 26 ของเดือนว่าขณะนั้นทองคำแท่งบากละเท่าใด เอาทองคำ 1 กรัมไปหาร ก็จะได้ราคาทำคำแท่งว่าราคากรัมละเท่าใด ซึ่งเมื่อนำมาคิดคำนวณและหักแบ่งกับบริษัทคนละ 50%แล้ว ตัวเองจะได้ส่วนแบ่งกำไรที่3,496,360บาท สรุปยอดรวมที่บริษัทจะต้องจ่ายคืนให้ตัวเองรวมเป็นเงิน 12,213,634 บาท

    และบริษัทได้ออกแจ้งประกาศว่า บริษัทประสบปัญหาไม่สามารถจ่ายกำไรภายในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ จึงให้ผู้ร่วมทุนรอไปก่อน ในเดือนต่อมาบริษัทได้ประกาศอีกครั้งว่ากำลังตรวจสอบเอกสารเพื่อจ่ายผลกำไร แต่ไม่มีการดำเนินการจ่ายเงินปันผลให้กับร่วมทุนแต่อย่างใด อีกทั้งได้มีการประกาศ คล้ายประวิงเวลา อ้างเหตุผลต่างๆนานามาเรื่อยๆ เมื่อสอบถามไปยังบริษัทได้รับคำตอบว่าให้รอก่อนจนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน บริษัทยังบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายผลกำไร และเชื่อว่าถูกบริษัทกับพวกหลอกร่วมลงทุนทำให้ได้รับความเสียหายจึง ร้องทุกข์ดำเนินคดี กลับบริษัทดังกล่าว และนางสาวไฮโซ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

    น.ส.เอ เปิดเผยอีกว่า จริงๆ ไม่อยากแจ้งความ เพราะยังอยากได้เงินที่ร่วมลงทุนไปคืนมาทั้งหมด เพื่อจะได้นำไปแบ่งคืนให้ญาติพี่น้องที่นำเงินมาร่วมลงทุน แต่ก่อนจะแจ้งความก็ตรวจสอบรายละเอียดและสอบถามความคิดเห็นจากผู้ร่วมลงทุนหลายคน ต่างก็บอกว่า จะได้เงินคืนแน่ แต่โดยส่วนตัวไม่เชื่อ เพราะเมื่อเดือนพฤษภาคมมาที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่บริษัทโทรศัพท์มาแจ้งว่า ให้เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนกับบริษัท สลิปการโอนเงิน  เพื่อเข้าไปรับเงินปันผล ซึ่งจะจ่ายเป็นเงินสดให้ไปรับที่บริษัท แต่จะรับเมื่อใดนั้นจะแจ้งอีกครั้ง ก็เตรียมเอกสารรอ กระทั่งต้นเดือนมิถุนายน เจ้าหน้าที่บริษัทก็โทรมาแจ้งว่า ยังให้เงินไม่ได้ เพราะบริษัทกำลังถูกทางราชการตรวจสอบเรื่องภาษีต่างๆ  ต่อมาวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา มีจดหมายจากบริษัทส่งมาที่บ้าน พร้อมรายละเอียดว่า จะจ่ายเงินให้ตามสลิปที่ได้โอนให้บริษัท ในวันที่ 9 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ แต่ปรากฏว่ามีหมายจับ จับกุมไฮโซรายดังกล่าว ออกโดยศาลจังหวัดอุบลราชธานี จึงคิดว่าตัวแทนที่จังหวัดอุบลราชธานี น่าจะแจ้งความจับ นางสาวไฮโซรายนี้ เพราะเชื่อว่าน่าจะมีความไม่โปร่งใส และไม่มีความถูกต้องในการบริหารจัดการเรื่องการเงิน ที่ผ่านมาหากบริสุทธิ์ใจ ก็ต้องจ่ายเงินให้ผู้ร่วมทุนตามข้อตกลงที่คุยกันไว้ ไม่ใช่ประวิงเวลา ยืดเยื้อมาจนถึงขั้นศาลออกหมายจับเช่นนี้ จึงตัดสินเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับไฮโซรายนี้

 







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS