เซลล์หนุ่ม ปลอมทุกอย่าง ตุ๋นมาหลายพื้นที่ แต่จนมุมตร.ขอนแก่น (มีคลิป)
รวบอดีตเซลล์แมนแสบคาร้านทอง หลังก่อเหตุเปิดเฟสบุ๊กปลอมขายเครื่องสำอาง อาหารเสริม ปลอมนามสกุลดัง สร้างความน่าเชื่อถือ หลอกเหยื่อโอนเงินเข้าร้านทอง ก่อนไปรับทองมาขายเอาเงิน พบก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง มีหมายจับหลายท้องที่ ผู้เสียหายหลายราย รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่สภ.เมืองขอนแก่น พล.ต.ต.พรหมณัฎฐเขต ฮามคำไพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายเอกชัย สีอาจ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 172 ม.9 ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาในคดี “ใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอมในการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ซึ่งถูกจับกุมตัวพร้อมบัตรประชาชนปลอมและใบขับขี่ปลอมในชื่อ เอกชัย ดามาพงศ์ เกิดวันที่ 10 ตุลาคม 2523 อยู่บ้านเลขที่ 800 ซอย 1 บ.สินทร ถ.แฮปปี้แลนด์ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ขณะนำบัตรประชาชนปลอมไปรับทองคำแท่งที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา และถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น จับกุมและคุมตัวไปสอบสวนขยายผลปรากฏว่า เป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับในคดีฉ้อโกงในหลายพื้นที่
พล.ต.ต.พรหมณัฎฐเขต ฮามคำไพ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหารายนี้ เกิดจากความร่วมมือของเจ้าของร้านทอง ขณะที่ผู้ต้องหานำบัตรประชาชนปลอมไปขอรับทองคำที่ร้าน จึงยื้อเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งพบว่าพกบัตรประชาชนปลอม ใบขับขี่ปลอม ตรวจค้นภายในตัว ยังพบบิลที่เกี่ยวข้องกับการส่งขายสินค้าประเภทเครื่องสำอาง ทั้งยังพบซิมโทรศัพท์มือถืออีกหลายอัน และบัตรรับประกันคุณภาพทองคำ บัตรรับประกันหลังการขายของร้านทองในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย และเมื่อตรวจสอบประวัติพบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดจันทบุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ในคดีฉ้อโกง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
พล.ต.ต.พรหมณัฎฐเขต ฮามคำไพ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น
จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ได้ลงมือปลอมบัตรประชาชน โดยใช้นามสกุลดัง เพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับร้านทองที่เจรจาซื้อขายสินค้ากัน โดยได้เปิดเฟสบุ๊กในชื่อ “คลังยาเภสัช” ทำตัวเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอาง,อาหารเสริม ในราคาส่ง และถูกกว่าท้องตลาด โดยมีผู้หลงเชื่อเข้าไปพูดคุยเพื่อซื้อสินค้า และนัดแนะจ่ายเงินซื้อขาย โดยที่ผู้ต้องหาจะใช้อุบายให้ผู้เสียหายโอนเข้าบัญชีของร้านทอง ซึ่งทางผู้ต้องหาได้ทำการพูดคุยตกลงไว้ก่อนหน้านี้เพื่อจะซื้อทองคำของร้านทองร้านต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น หนองคาย อุดรธานี ซึ่งผู้ต้องหาจะเจรจาซื้อทองในวงเงินที่จะได้รับโอนมาจากผู้เสียหายที่เป็นเจ้าของร้านขายเครื่องสำอาง ซึ่งเมื่อการเจรจาซื้อทองเรียบร้อย ผู้ต้องหาจะขอหมายเลขบัญชี เพื่อจะโอนเงินในการซื้อทองเข้าบัญชีร้านทอง และเมื่อได้บัญชีจากร้านทองแล้ว ผู้ต้องหาก็จะแจ้งเลขบัญชีกลับไปยังผู้เสียหายที่รอรับสินค้า เพื่อให้โอนเงินเข้าบัญชีของร้านทอง และผู้ต้องหาก็จะไปรับทองตามร้านที่หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไป แล้วนำทองไปขายแลกเปลี่ยนเป็นมามาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ซึ่งจากการตรวจสอบขอทางเจ้าหน้าที่ตำรวพบว่า มีผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องสำอาง ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดอ่างทองหลงเชื่อ โอนเงินให้ผู้ต้องหาในนาม “บริษัท โกดังคลังยาเภสัช” เข้าบัญชีตามที่ผู้ต้องหาแจ้งไป จำนวน 150,450 บาท และผู้เสียหายในพื้นที่พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้หลงเชื่อผู้ต้องหา โอนเงินให้ผู้ต้องหาในนาม “บริษัทไดเร็คเซลล์ สโตร์” จำนวน 195,000บาท ทั้งสองรายนี้ เป็นผู้เสียหายที่มีการพูดคุยเจรจาซื้อขายเครื่องสำอางกับผู้ต้องหาผ่านทางโซเซียล ในราคาถูกกว่าท้องตลาด และหลงเชื่อจนได้โอนเงินให้กับผู้ต้องหาไป แต่เงินที่ทางเจ้าของร้านเครื่องสำอางโอนให้ผู้ต้องหานั้น จะเข้าบัญชีของร้านทอง ที่ผู้ต้องหามีการเจรจาซื้อทองคำไว้ ขณะนี้ผู้เสียหายมีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ในท้องที่ที่เกิดเหตุแล้ว เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้
นายเอกชัย สีอาจ ผู้ต้องหา
ในขณะการแถลงข่าว นายเอกชัย สีอาจ ผู้ต้องหา ได้เปิดเผยขั้นตอนการโกงครั้งนี้ว่า เป็นเพราะปัจจุบันมีคนใช้โซเชียล และอยู่ในโลกออนไลน์กันมาก ส่วนใหญ่จะหลงเชื่อสื่อในออนไลน์ จึงเปิดเฟสบุ๊กขึ้นมาและแสดงตัวว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอาง อาหารเสริม ในราคาถูก ซึ่งเป็นสินค้ายอดฮิตของคนทุกกลุ่ม เมื่อมีคนเข้ามาดู บางคนหลงเชื่อก็จะเจรจาซื้อขายกัน โดยจะไปซื้อบิลเงินสดที่ขายเป็นเล่มตามท้องตลาด เพื่อเขียนรายการเสนอราคาขายสินค้าให้ลูกค้าดู รายใดหลงเชื่อก็จะให้โอนเงินเข้าบัญชี ซึ่งเป็นบัญชีของร้านทองที่ได้ไปติดต่อซื้อขายทองไว้ ที่ทำเช่นนี้ได้เพราะเคยเป็นเซลล์ขายของมาก่อนทำให้พอจะรู้หลักในการสร้างความหน้าเชื่อถือเริมการพูดชักจูง ส่วนทองที่ได้มาก็จะนำไปขายตามร้านทองต่างๆ นำเงินไปใช้จ่ายเที่ยวเตร่ตามประสาคนโสด
นอกจากนี้ผู้ต้องหายังฝากเตือนไปยังผู้ที่ชอบเล่นโซเชียล เสพสื่อออนไลน์ว่า หากอยากได้ของดีของแท้ ให้ติดต่อซื้อขายแบบเก็บเงินปลายทาง คือเห็นสินค้าก่อนค่อยจ่ายเงิน อย่าเห็นแก่สินค้าราคาถูกแล้วโอนเงินให้ก่อนได้สินค้าเด็ดขาด และในส่วนของร้านทองจะมีจุดด้อยตรงที่ร้านไหนไม่มีเครื่องสกีมบัตรประชาชน ก็จะไม่รู้ว่าเป็นบัตรประชาชนจริงหรือปลอม หากร้านไหนมีก็จะสามารถป้องกันมิจฉาชีพในลักษณะที่ตนเองก่อเหตุได้ ภายหลังการแถลงข่าวจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีในข้อหา ใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอมในการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต่อไป
