ขอนแก่นเปิดตัว "กำไลวิเศษ" ช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง (มีคลิป)
พบผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรงถุงลมโป่งพองวันละ 16 คน เร่งเปิดตัว กำไลวิเศษ ช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง ให้เข้าถึงการขอรับบริการทางการแพทย์ให้ได้อย่างรวดเร็ว
ที่บริเวณชั้น 5 ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่าขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดชมรม “ลมวิเศษ” และ สายรักข้อมืออัจฉริยะสำหรับผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับ บ. กลุ่ม เซ็นทรัล จำกัด รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้นเนื่องในวันวันโรคถุงลมโป่งพองโลก ประจำปี 2561 ตามที่องค์การอนามัยโลกและองค์การโรคถุงลมโป่งพองแห่งโลก ได้กำหนดให้วันพุธที่ 3 ของเดือน พ.ย.ทุกปีเป็นวันถุงลมโป่งพองโลก เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 พ.ย.2561 ท่ามกลางความสนใจจากชาวขอนแก่นเข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 300 คน
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองประมาณปีละ 1,500,000 คน ในจำนวนนี้พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวปีละประมาณ 6,000 คน หรือเฉลี่ยที่วันละ 16 คน ซึ่งเรียดกได้ว่าโรคถุงลมโป่งพองดังกล่าวนี้เป็นโรคร้ายแรงที่ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรมีมาตรการป้องกันและการรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ เพราะเมื่อผู้ป่วยป่วยด้วยโรคดังกล่าวแล้วก็จะส่งผลถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การเสียโอกาสในการทำงาน และที่สำคัญอีกหนึ่งปัญหาที่พบคือการที่ผู้ป่วยนั้นได้เข้ารับการวินิจฉัยโรคที่เป็นไปอย่างล่าช้า ดังนั้นหากผู้ป่วยหรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงได้เข้าถึงการรักษาหรือเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโรคได้ทันท่วงที ก็จะสามทรถที่จะรับมือกับโรคดังกล่าวได้หากตรวจพบ ซึ่งทางการแพทย์นั้นพบว่าผู้ป่วยด้วยโรคถุงลมโป่งพองนั้นส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยง่าย ซึ่งเมื่อมาตรวจกับแพทย์แล้วก็จะพบว่าปอดนั้นถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพไปและไม่สามารถที่จะฟื้นคืนสภาพได้
“ผู้ที่เสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคถุงลมโป่งพองนั้น ที่สำคัญที่สุดคือผู้ที่สูบบุหรี่ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ควรเข้ารับการตรวจสมรรถภาพตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะหากมีการตรวจและรักษาได้ทันและเร็วก็จะช่วยลดอาการป่วยของโรคได้ ดังนั้นนอกจากการจัดตั้งชมรมลมวิเศษขึ้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาที่รวดเร็วแล้ว ยังคงมีการจัดทำกำไลวิเศษ หรือสายรักข้อมืออัจฉริยะขึ้นสำหรับผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นของผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลพื้นฐานประเภทชื่อ นามสกุล ที่อยู่ และการติดต่อของคนในครอบครัว ข้อมูลพื้นฐานของโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยใช้บริการเป็นประจำ รวมทั้งโรคที่ผู้ป่วยรับการดูแลรักษาอยู่ ซึ่งหากผู้ป่วยเกิดเหตุฉุกเฉินเพียงแค่สแกน คิวอาร์โคด ในกำไลวิเศษเส้นนี้ก็จะทราบถึงข้อมูลต่างๆทั้งหมดของผู้ป่วยทันที”
ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า กำไลวิเศษดังกล่าว ยังคงมีการบรรจุข้อมูลการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งคลิปสั้นในเรื่องของวิธีการพ่นยาขยายหลอดลมแบบฉุกเฉิน,การปั้มหัวใจฟื้นคืนชีพ รวมทั้งยังคงมีการจัดทำฐานข้อมูลในเรื่องของพินัยกรรมชีวิต หรือเจตนารมณ์ในการรักษาเมื่อผู้ป่วยหมดสติ ซึ่งทั้งหมดทางชมรมลมวิเศษได้ประสานการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการที่จะเป็นเครื่องมือที่จะสนับสนุนให้ผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยทั้งประเทศนั้นสามารถที่จะใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น
