สสจ.ขอนแก่น ยืนยันรับผิดชอบเยียวยา กรณีแพทย์ลืมผ้าก๊อซในร่างผู้ป่วย ตามมาตรา 41 เต็มที่ (มีคลิป)   


27 กันยายน 61 15:26:21

สสจ.ขอนแก่น เร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีแพทย์ของโรงพยาบาลชุมแพ จ.ขอนแก่น ทำการผ่าตัดผู้ป่วยมะเร็งในไตแต่ลืมเอาผ้าก๊อซออกจากร่างคนไข้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่อหรือเป็นเหตุสุดวิสัย ยืนยันรับผิดชอบเยียวยาตามมาตรา 41 เต็มที่ ขณะที่น้องสาวผู้ตายยังปักใจเชื่อว่าผ้าก๊อซเป็นเหตุทำให้ตายเร็วขึ้น เพราะแพทย์บอกว่าอยู่ได้ต่ออีก 5 เดือนแต่เสียชีวิตหลังกลับจากโรงพยาบาลไม่ถึงเดือน

วานนี้เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น นายแพทย์พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีที่นางบุญถม ลายภูเขียว อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/3 ม.3 ต.ภูห่าน อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีพี่ชายคือนายแอ๊ด ลายภูเขียว อายุ 53 ปี เสียชีวิต ซึ่งญาติเชื่อว่าเกิดจากความบกพร่องทางการรักษาของแพทย์ในโรงพยาบาลชุมแพ จ.ขอนแก่น ที่ลืมผ้าก๊อซไว้ในท้องหลังจากทำการผ่าตัดด้วยโรคฝีในไต และกลับบ้านมาเสียชีวิตภายในบ้านพักตัวเอง โดยเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 300,000 บาท แยกเป็นค่าทำศพ 100,000 บาทและค่าเสียหาย 200,000 บาท

โดยนายแพทย์ พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้รับรายงานจากทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมแพว่า ผู้ป่วยเสียชีวิตเนื่องจากอาการของโรค ซึ่งเป็นมะเร็งในไตระยะสุดท้าย โดยเชื้อได้แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง และผนังช่องท้อง สามารถอยู่ได้ไม่เกิน 3-5 เดือน และในส่วนของผ้าก๊อซที่ลืมอยู่ในตัวผู้เสียชีวิตนั้น ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดจริง และได้มีการแจ้งให้กับตัวผู้ป่วยและทางญาติได้ทราบ และขอชดใช้เยียวยาในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวผู้ป่วยที่เสียชีวิตแจ้งกับทางแพทย์ว่ามีหนี้สินกองทุนหมู่บ้านอยู่จำนวน 40,000 บาท จึงประสงค์ให้แพทย์ชดใช้เป็นเงินจำนวน 40,000 บาท เพื่อนำไปใช้หนี้สินดังกล่าวและจะได้ไม่เป็นการติดค้างและเป็นภาระตกไปอยู่กับลูกหลานต่อไป และได้มีการเซ็นสัญญาตกลงดังกล่าวไปแล้ว และได้ดำเนินการเยียวยาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการทางสาธารณสุข มาตรา 41 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาในรูปแบบคณะกรรมการในการให้การเยียวยาช่วยเหลือตามขั้นตอน

โดยขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว โดยอยู่ระหว่างการเร่งสืบสวนสอบสวนว่าเกิดจากสาเหตุใด เป็นความประมาทเลินเล่อของทีมแพทย์หรือเป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาหลายวันเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดครบถ้วน ก่อนจะสรุปและรายงานไปยังกระทรวงสาธารณสุขในการดำเนินการลงโทษในส่วนที่มีความผิดตามขั้นตอน ทั้งนี้การผ่าตัดผู้ป่วยรายนี้เนื่องจากมีเลือดออกมาก ทำให้ทางทีมแพทย์ต้องใช้ผ้าก๊อซในการบล็อกห้ามเลือดหลายแผ่น ซึ่งในส่วนนี้จะต้องทำการตรวจนับผ้าก๊อซทั้งหมดว่าใช้ไปกี่แผ่น และนำกลับออกมาตามจำนวนที่ใส่ไว้หรือไม่ ซึ่งคาดว่าอาจจะเกิดความผิดพลาดจากการนับผ้าก๊อซ และตัวผ้าก๊อซนี้ก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้อาการทรุดลง เพราะตัวคนป่วยเองมีอาการที่หนักมาก เพราะเชื้อได้แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือและผนังหน้าท้องแล้ว กระทั่งเสร็จสิ้นการผ่าตัดทั้ง 2 รอบ ทางโรงพยาบาลก็ได้ปล่อยให้ผู้ป่วยกลับบ้านด้วยภาวะปกติ  พร้อมกันนี้ยังได้เน้นย้ำในการเข้มงวดในเรื่องการรักษา โดยเฉพาะในการผ่าตัดเรื่องของการนับสิ่งที่นำเข้าไปในตัวผู้ป่วยทุกชิ้นจะต้องนับอย่างละเอียดและนับกลับออกมาให้ครบทุกชิ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

และในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ที่บ้านเลขที่ 15/3 ม.3 ต.ภูห่าน อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น  ซึ่งเป็นบ้านของนางบุญถม  ลายภูเขียว อายุ 43 ปี และเป็นสถานที่ ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายแอ๊ด  ลายภูเขียว อายุ 53 ปี พี่ชาย ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา และนางบุญถม  ลายภูเขียว อายุ 43 ปี น้องสาวได้เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น เนื่องจากติดใจการรักษาของแพทย์ รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ทำให้ผ้าก๊อซติดในท้อง และแพทย์ได้ผ่าตัดเอาผ้าก๊อซออกไม่กี่วันก็เสียชีวิต พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเยียวยาเป็นเงินทั้งหมด 300,000บาท

บรรยากาศของงานศพมีแต่ความเศร้าโสก ชาวบ้านที่มาร่วมงานศพต่างก็พากันแสดงความคิดเห็นต่างๆนานา โดยส่วนใหญ่เน้นย้ำเรื่องความผิดพลาดของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดว่า ควรจะรอบคอบกว่านี้ อย่าให้มีผ้าก๊อซหรือสิ่งแปลกปลอมอื่น เหลือไว้ในร่างกายผู้ป่วยอีก โดยนางบุญถม  ลายภูเขียว อายุ 43 ปี น้องสาวผู้ตาย ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า พี่ชายมีอาการป่วยและเข้ารักษาตัวที่รพ.ชุมแพมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งแรกเข้าไปแพทย์ตรวจพบก้อนเนื้อในไต เบื้องต้นแจ้งว่าเป็นนิ้ว ต่อมาแจ้งว่าเป็นเนื้องอก ต้องผ่าตัด และเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ  เมื่อผลตรวจชิ้นเนื้อออกมา จึงรู้ว่าพี่ชายเป็นมะเร็ง จะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือน หลังการผ่าตัด พี่ชายกลับบ้าน ร่างกายแข็งแรง สามารถนึ่งข้าว ทำอาหารรับประทานเองได้  แต่ผ่านไปเพียง 2 อาทิตย์ พี่ชายก็มีอาการปวดท้องรุนแรงและอาหารทรุดหนัก จึงส่งรพ.สีชมพู  แพทย์ตรวจพบก้อนผ้าก๊อซในท้อง จึงรีบส่งตัวไปที่รพ.ชุมแพ รพ.ชุมแพ รีบรับตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที เพื่อเอาผ้าก๊อซออก

แพทย์ที่ผ่าตัดเอาผ้าก๊อซออก กับแพทย์ที่ผ่าตัดก้อนเนื้อ คนละคนกัน การผ่าตัดเอาผ้าก๊อซออกนั้น แพทย์รพ.ชุมแพแจ้งเพียงว่า ผ่าเอาก้อนเนื้อเละๆและผ้าก๊อซออกแล้ว ในวันต่อมาแพทย์ที่ผ่าตัดคนแรก และเป็นคนลืมผ้าก๊อซมาพบพี่ชายที่รพ.ชุมแพ พร้อมกับกล่าวคำขอโทษ ในการขอโทษครั้งนั้นทำให้พี่ชายตาย เพราะอาการป่วยของพี่ชายที่แพทย์บอกว่าจะอยู่ได้ 5-6เดือน แต่เพราะแพทย์ลืมผ้าก๊อซในท้องนาน 2 อาทิตย์ ทำให้พี่ชายปวดท้อง และอาการทรุด จนต้องผ่าตัดรอบสอง เพื่อเอาผ้าก๊อซออก ร่างกายยิ่งทรุดหนักกระทั่งเสียชีวิต ญาติพี่น้องจึงติดใจการทำงานของแพทย์ และเชื่อว่าสาเหตุที่พี่ชายทรุดหนักและตายเร็วกว่าเวลาที่กำหนดคือ แพทย์ลืมผ้าก๊อซในท้องจนมีผลข้างเคียง

นายบุญถม กล่าวอีกว่า หลังการเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมและมีข่าวทางสื่อมวลชน ก็มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สสจ.และสาธารณสุขอำเภอ มาจุดธูปไหว้ศพพี่ชาย และในคืนวันที่ 26 กันยายน นี้ รพ.ชุมแพ.จะเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพ  และในวันที่ 27 กันยายนนี้จะมีพิธีฌาปณกิจศพพี่ชายที่วัดโสภณวนาราม บ้านโนนงาม ม.3 ต.ภูห่าน อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ส่วนการเยียวยาที่ร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่นนั้น รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ สสจ.ขอนแก่นว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการเยียวยาจะแจ้งให้ทราบในวันที่ 9 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ว่า ข้อเรียกร้องเรื่องการเยียวยานั้นจะได้ตามร้องขอหรือไม่ การร้องขอให้เยียวยานั้น ขอไป 300,000บาทจริง แต่ในการเรียกร้องก็เรียกร้องไปตามสิทธิ์ที่ตัวเองมีในฐานะน้องสาวคนตาย เพราะเชื่อว่าผ้าก๊อซมีส่วนทำให้พี่ชายตายเร็วกว่าปกติ จึงอยากให้แพทย์ที่ทำการรักษาและเกิดการผิดพลาดในครั้งนี้ ออกมาแสดงความรับผิดชอบตามที่เห็นสมควร  และให้มีความรอบคอบในการรักษาผู้ป่วย ขอให้พี่ชายเป็นรายสุดท้ายในความผิดพลาดทางการรักษาขากแพทย์ด้วย







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS