ขอนแก่น บุกยึดทรัพย์บ้านหรู-ร้านอาหารดัง เครือข่าย "ผู้การสุทิพย์" อมเงินลูกน้อง (มีคลิป)   


11 กันยายน 61 00:00:14

บุกยึดทรัพย์บ้านหรู-ร้านอาหารดัง เครือข่าย “ผู้การสุทิพย์” อมเงินลูกน้อง “ธนาศักดิ์” ย้ำชัด เอาผิดทุกคน สาวถึงใครไม่ละเว้น พบผู้เสียหายร่วม 200 ราย ทั่วทั้งประเทศ ยอดเงินสูงกว่า 1,000 ล้านบาท

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 ก.ย.2561 พล.ต.ต.ธนาศักดิ์  ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พ.อ.พิทักษ์พล  ชูศรี หัวหน้ากองข่าวกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น สนธิกำลังร่วมตำรวจท่องเที่ยว, บก.สส.ภ.4 กำลังทหารและฝ่ายปกครองรวมกว่า 50 นาย กระจายกำลังกันตรวจยึดทรัพย์สินที่เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนเครือข่าย พล.ต.ต.สุทิพย์  ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนจากกรณีการนำเงินของข้าราชการตำรวจ ภ.จว.เลย วงเงินรวม 240 ล้านบาท ที่ข้าราชการตำรวจ 196 นายนั้นตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการรวมหนี้และโครงการบริหารหนี้ แต่กลับถูกนำไปลงทุนและไม่ยอมคืนเงินให้กับข้าราชการตำรวจทั้งหมดมาตั้งแต่ปี 2560 โดยกำลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นพร้อมกันรวม 4 จุด ประกอบด้วย บ้านหรูของโครงการบ้านจัดสรรชื่อดังแห่งหนึ่งริมบึงหนองโคตร (โครงการสปริงเพลส)  ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น,โครงการบ้านจัดสรรหรู (โครงการอินนิซิโอ)  ริม ถ.มะลิวัลย์ ห่างจาก ท่าอากาศยาน จ.ขอนแก่น 2 กม. พื้นที่ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น,ร้านคารแคร์ ชื่อดัง ( ดี สปาร์) ริม ถ.หน้าเมืองเขตเทศบาลนครขอนแก่น และ จุดสุดท้าย คือร้านอาหารกึ่งผับชื่อดัง ( ไวน์ทูเกเตอร์) ซึ่งตั้งอยู่ริม ถ.กัลปพฤกษ์ ห่างจาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประมาณ 500 เมตร


                
โดยในการลงพื้นที่ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ไม่พบผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง หรือมีผู้ใดอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงติดหมายศาลไว้ที่บริเวณประตูบ้านเพื่อทำการยึดอายัด โดยให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองนั้นนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบภายใน 30 วัน หากไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลก็จะถูกอายัดเป็นของกลางในคดีทันที


                
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์  ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการทุจริตฉ้อโกงประชาชนเครือข่าย  พล.ต.ต.สุทิพย์ กล่าวว่า ในการตรวจค้นครั้งนี้คณะทำงานร่วม บช.ภ.4 และ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. นั้นได้ลงพื้นที่ตรวจค้นและตรวจยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนเครือข่าย พล.ต.ต.สุทิพย์ ทั้งหมด 10 จุด ในพื้นที่ จ.ขอนแก่นวันนี้ 4 จุด โดยทำการยึดอายัดไว้เพื่อตรวจสอบทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 20 ล้านบาท โดยให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองนั้นต้องนำเอกสารหลักฐานต่างๆมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ภายใน 30 วัน หากเกินระยะเวลาที่กำหนดก็จะถูกอายัดเป็นของกลางในคดีดังกล่าวทันที
                
“ในครั้งแรกเรายึดทรัพย์สินเครือข่าย พล.ต.ต.สุทิพย์ ไปแล้ว ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 60 ล้านบาท ตามอำนาจของการยึดทรัพย์ขอวง ปปง. โดยคดีความดังกล่าวนี้นั้นจากการสอบสวนพบว่า ผู้เสียหายในคดีนั้นแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของ พล.ต.ต.สุทิพย์ นั้นมีผู้เสียหายที่แจ้งความดำเนินคดีเป็น โดยเป็นเฉพาะของข้าราชการตำรวจ 194 นาย ขณะที่เครือข่ายหรือผู้ร่วมขบวนการในคดีนี้เบื้องต้นจะถูกสั่งฟ้องดำเนินคดีรวม 4 คน และยังคงพบอีกว่านอกจากตำรวจที่ตกเป็นผู้เสียหายแล้วนั้นยังคงมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคดีฉ้อโกงประชาชนที่นำเงินไปร่วมลงทุนกับเครือข่ายดังกล่าวและวันนี้ได้กลายเป็นผู้เสียหาย อีก 40 คน ทั้งหมดได้เข้าให้ปากคำและแจ้งความเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว”


                 
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนจนพบว่าคดีดังกล่าวนั้นมีเครือข่ายแชร์ลูกโซ่รายใหญ่ระดับประเทศ ที่มีวงเงินหมุนเวียน มากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยผู้ต้องหารายสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นผู้บงการหรือทำหน้าที่เป็นต้นเรื่องของการนำเงินจากผู้เสียหายทั้งประเทศไปลงทุนนั้นขณะนี้เราทราบตัวแล้วและอยู่ในช่วงของการดำเนินการขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับ แต่ยังคงไม่ขอเปิดเผยข้อมูลเพราะเกรงว่าผู้ต้องหารายสำคัญคนนี้จะหลบหนีได้ อย่างไรก็ตามในการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ พร้อมพวกอีก 3 ราย ในคดีดังกล่าวนี้นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการประสานแนวทางการทำงานและตรวจสอบสำนวนการสอบสวนร่วมกัน โดยมีการจัดส่งพนักงานสอบสวน ของ สตช.มาประจำที่ บช.ภ.4 เพื่อทำงานร่วมกันเป็นทีม เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีที่สำคัญ และมีผู้เสียหายจำนวนมาก ทำให้การส่งสำนวนคดีให้กับอัยการ จ.ขอนแกน นั้นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบ ต้องสอบปากคำผู้เสียหายทุกปากให้ครบ ซึ่งขณะนี้ครบถ้วนแล้ว และจะสามารถส่งสำนวนสั่งฟ้องในคดีฉ้อโกงประชาชนได้ภายในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นไปตามระยะเวลาที่ ตร.และ บช.ภ.4 กำหนด ขณะที่การสืบสวนสอบสนเพื่อยึดทรัพย์และตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมทั้งการยักยอก ถ่ายโอนทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ต้องหายังคงดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องสาวถึงใครตำรวจจะยึดทรัพย์มาเพื่อตรวจสอบทั้งหมด







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS