ชาวบ้านไผ่บุกศาลากลางขอล้อมป่ากันนายทุน (มีคลิป)
ชาวอำเภอบ้านไผ่เดินทางเข้าพบ ผวจ.ขอนแก่น เพื่อทวงคำตอบในการขอล้อมป่าสาธารณะโคกหนองม่วง ต.หัวหนอง เนื้อที่ 209 ไร่ หวั่นน่ายทุนฮุบที่หมดก่อน เพราะที่สาธารณะแห่งนี้คือผืนป่าชุมชนชิ้นสุดท้ายที่ชาวบ้านใช้เป็นแหล่งหากิน
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันนี้ (15 ส.ค.) ชาวบ้านตำบลหัวหนอง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่นประมาณ 50 คน ได้เหมารถยนต์เดินทางมาเพื่อขอพบ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น แต่เนื่องจาก ผวจ.ติดราชการเร่งด่วน จึงได้มอบหมายให้ พันจ่าตรี พิชัย วันตา ปลัดป้องกันจังหวัดขอนแก่น ออกมารอรับและเชิญชาวบ้านเข้าไปพูดคุยกันในห้องประชุม โดยกลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาวันนี้ก็เพื่อทวงคำตอบจาก ผวจ.ขอนแก่น หลังจากที่ชาวบ้านได้ยื่นหนังสือไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา
โดยหนังสือดังกล่าวกลุ่มชาวบ้านได้ขออนุมัติทำคลองน้ำล้อมรอบที่สาธารณะโคกหนองม่วง ต.หัวหนอง เนื้อที่ 209 ไร่ เพื่อเป็นการแสดงขอบเขตของที่สาธารณะประโยชน์แห่งนี้ให้ชัดเจน ป้องกันนายทุนและผู้มีอิทธิพลบุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์โดยการจับจองเป็นที่ของตนเอง เนื่องจากปัจจุบันที่สาธารณะแห่งนี้เป็นป่าผืนสุดท้ายของชาวอำเภอบ้านไผ่ และอยู่ใกล้ตัวอำเภอบ้านไผ่มากที่สุด จึงถือเป็นปอดของชาวอำเภอบ้านไผ่ และชาวบ้านที่อยู่โดยรอบจำนวน 3 หมู่บ้านใช้เป็นแหล่งหาของป่า และเป็นแหล่งอาหารธรรมชาติในการดำรงชีพ ปัจจุบันมีกลุ่มผู้มีอิทธิพล และกลุ่มข้าราชการถือโอกาสไปจับจองเป็นเจ้าของที่ ชาวบ้านจึงเกรงว่าป่าผืนสุดท้ายจะหมด จึงต้องการทำรั้วกั้นโดยขุดเป็นคลองน้ำรอบบริเวณผืนป่าทั้งหมด เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากหนองน้ำด้วยในหน้าแล้ง
ส่วนงบประมาณในการขุดคลองน้ำรอบที่ป่าสาธารณะนั้น นายวรรณี ขันขวา อายุ 69 ปี ประธานอนุรักษ์ป่าโคกหนองม่วง บอกว่าได้รับงบประมาณมาแล้ว โดยชาวบ้านทำหนังสือไปของบประมาณมาจากมูลนิธิอุทกพัฒน์ และมูลนิธิสารสนเทศน้ำ เพื่อการเกษตรกรรม ในการพัฒนาแหล่งน้ำในปี 2561จำนวน 444,000 บาท ซี่งคาดว่าจะเพียงพอ
หลังจากได้มีการพูดคุยกันในที่ประชุมแล้ว พันจ่าตรี พิชัย วันตา ปลัดป้องกันจังหวัดขอนแก่น ก็ได้รับปากกับกลุ่มชาวบ้านว่าจะติดตามเรื่องดังกล่าวให้โดยเร่งด่วน เพราะทราบว่าหากไม่สามารถจัดการดำเนินการโครงการขุดคลองน้ำล้อมรอบป่าได้ทันภายในปีงบประมาณนี้ ทางชาวบ้านก็ต้องส่งงบประมาณดังกล่าวคืนกลับไปให้กับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ซึ่งการขอใหม่ก็ไม่ทราบว่าจะได้รับอนุมัติอีกหรือไม่ โดยทางปลัดป้องกันจังหวัดจะสามารถให้คำตอบกับชาวบ้านได้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ ชาวบ้านพอใจจึงได้พากันเดินทางกลับอำเภอบ้านไผ่ เพื่อรอฟังคำตอบต่อไป
