คณบดี มมส. เปิดใจ ปัดสั่งกราบ-ทุบหลังน้องแบม โดนโจมตีจนอยู่ไม่เป็นสุข   


8 มีนาคม 61 00:12:30


 

7 มี.ค.  ที่ ห้องอินทนิล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผศ.ดร.กนกพร รัตนสุธีระกุล คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พร้อมด้วยคณาจารย์ภายในคณะ เปิดห้องให้สื่อมวลชนซักถามข้อสงสัย กรณีเกี่ยวกับข้อสงสัยของสังคมต่อการกระทำของอาจารย์ในภาควิชา ที่มีต่อ นางสาวปณิดา ยศปัญญา หรือ น้องแบม นิสิตชั้นปีที่ 4 ที่ออกมาเปิดโปงขบวนการทุจริตภายในศูนย์คนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น

ผศ.ดร.กนกพ รัตนสุธีระกุล คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยว่า ในเรื่องของการเรียนของนางสาวปณิดา ขณะนี้ยังเหลือวิชาเรียนอีก 2 ตัว คือ วิชาพัฒนาชุมชนภาคนิพนธ์ ที่เปลี่ยนพื้นที่การทำวิจัยจากจังหวัดขอนแก่น มาอยู่ที่เทศบาลเมืองมหาสารคาม เพื่อให้ได้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยฯ และเพื่อความปลอดภัยของตัวนิสิต

ส่วนอีกวิชาหนึ่งคือ วิชาสัมมนาปัญหาพัฒนาชุมชน ที่จะมีการเรียนในช่วงเมษายนนี้ ซึ่งในส่วนของการจบการศึกษานั้น ขอยืนยันว่าน้องแบมจะจบการศึกษาในภาคเรียนนี้ทันเพื่อนแน่นอน

ทั้งนี้ยังมีการเปิดใจ อาจารย์สายไหม ไชยศิรินทร์ หัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กรณีที่ว่ามีการสั่งให้กราบผู้ที่ทุจริตภายในศูนย์คนไร้ที่พึ่งและทุบหลังน้องแบม โดยอาจารย์สายไหม เปิดเผยว่า กรณีนี้เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ที่สั่งให้กราบนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ที่อาจารย์ทราบปัญหาของนิสิต เกี่ยวกับความไม่สบายใจของนิสิตในการพบการทุจริตภายในศูนย์

ซึ่งอาจารย์ได้ลงพื้นที่ไปไกล่เกลี่ยปัญหาระหว่างนิสิตและเจ้าหน้าที่ โดยอาจารย์ไม่สามารถก้าวล่วงได้ว่ามีการกระทำทุจริตเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และเมื่อไกล่เกลี่ยเสร็จแล้วก็ได้มีการสอบถามนิสิตว่ายังต้องการที่จะฝึกงานต่อหรือไม่ ซึ่งน้องแบมและเพื่อนยืนยันจะฝึกงานต่อ เพราะเหลืออีกเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็จะฝึกงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว

และเพื่อรักษาบรรยากาศในการฝึกงานต่อเป็นไปด้วยความราบรื่น จึงได้ให้นิสิตกราบขอโทษ เจ้าหน้าที่ซึ่งกันและกัน ซึ่งตอนนั้นเจ้าหน้าที่ก็กล่าวขอโทษด้วย ทั้งนี้ในตอนนั้นอาจารย์บอกให้กราบขอโทษผู้ใหญ่ ไม่ใช่ให้กราบขอโทษคนโกง


ส่วนกรณีทุบหลัง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ในวันนั้นได้มีการเรียกให้นิสิตเข้ามาพูดคุยกันในเรื่องของการฝึกงาน น้องแบมได้ถามอาจารย์ว่า มีจดหมายจากทาง ป.ป.ท. มาถึงคณะแล้วหรือยัง อาจารย์ก็บอกว่ายังไม่เห็น จึงได้ขอดูจดหมายจากทางน้องแบม แต่แบมไม่ได้เอามาด้วย จึงได้บอกว่าอยากให้ทางหน่วยงาน ทำหนังสือแจ้งมายังคณะแบบเป็นลายลักษณ์อักษร

ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ณ วันนั้น ยังไม่มีใครทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น อีกทั้งเกิดความสงสัยในกลุ่มเพื่อนที่ไปฝึกงานด้วยกันว่าให้มีการเข้าไปให้ปากคำกับทาง ป.ป.ท. ซึ่งทุกคนไม่ทราบเรื่อง และเกิดความรู้สึกว่าน้องแบมปิดบังข้อมูลบางอย่าง จึงรู้สึกหมั่นเขี้ยวและทุบหลังน้องแบมไปแบบเอ็นดู ไม่ได้เป็นอารมณ์โกรธเกรี้ยว เพราะถ้าหากน้องแบมบาดเจ็บบอบช้ำก็คงต้องไปหาหมอแล้ว ไม่ได้ทำร้ายหรือข่มขู่คุกคามแต่อย่างใด

แต่หลังจากที่เป็นข่าวออกไป ทำให้เกิดกระแสโจมตีมาที่ตนและคณะเป็นอย่างมาก ตนจึงอยากออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมว่าตนเองก็ถูกละเมิดสิทธิ์ ถูกข่มขู่คุกคามสารพัด ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข ถูกตีตราจากสังคมว่าเราเป็นคนผิด ทั้งๆ ที่ฟังความเพียงข้างเดียว

นอกจากนี้ อาจารย์สายไหม ยังได้เดินทางไปแจ้งความกรณีถูกข่มขู่ คุกคาม จากเพจข่าวและบุคคลที่นำข้อความเป็นเท็จไปโพสต์บนโลกออนไลน์ และมีคลิปเสียงที่มีคนโทรศัพท์เข้ามาภายในคณะลักษณะข่มขู่ว่าจะกรีดรถของอาจารย์ในคณะทุกคน หากไม่ได้พบตนเอง

ทั้งนี้ ไม่อยากให้มองว่าอาจารย์มีความขัดแย้งกับลูกศิษย์ เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ต้องให้อภัยกัน การให้อภัยถือเป็นการให้ทางอย่างสูงสุด

ที่มา https://news.sanook.com/5594767/







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS