"ศิลปิน แก้วเพทาย" เจ้าของเสียงในบทสวด ตอนจบละครนาคี

4 สิงหาคม 61 12:46:49

เผยโฉมเจ้าของเสียงบทสวดมนต์ในตอนจบของละครเรื่องนาคี 'ศิลปิน แก้วเพทาย' หรือ 'แจ็ค-ชัยวัฒน์ เมินกระโทก' ผู้คลุกคลีอยู่กับการทำงานด้านดนตรีพื้นบ้านในรูปแบบต่างๆ ในถิ่นฐานของตนเอง และเขาคนก็คือหนึ่งในสมาชิกวงสินไซ รุ่นแรก ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นอีกด้วย

• ตอนแรกที่ได้รับโจทย์ให้ขับร้องบทสวดนี้ เป็นยังไงครับ

       พอเขาบอกว่าจะให้เราสวดท่องคาถาบูชาเจ้าปู่ศรีสุทโธ กับ ย่าศรีปทุมมา พอเห็นปั๊บ ก็ให้เราจินตนาการว่า จะให้เราออกแบบว่าเป็นยังไงดี ผมก็มาดูแล้วก็คิดว่า น่าจะใช้ความเป็นอีสาน คือมีพวกแบบทำนองอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นแบบแหล่ ทำนองสู่ขวัญ แต่ตัวผมก็เอามาบวกๆ กัน เพราะว่าเราเคยทำงานแบบนี้ ทำให้กับน้องๆ นักศึกษา ที่สอบของ ม.มหาสารคาม หรือ ม.ราชภัฎอุดรธานีบ้าง ส่วนตัวก็คิดว่า ถ้าทำนองเหล่านี้ไม่ได้รับการสืบทอดต่อไป มันจะสูญหายได้

       ซึ่งตอนที่ได้โจทย์มา ก็เป็นช่วงที่ละครใกล้จะจบแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปใช้อะไรยังไง แต่พอเขาบอกว่าจะใช้ในช่วงที่ทศพลบวช เราก็เลยทำออกมาให้มันคล้ายๆกับแหล่ เทศน์ สู่ขวัญ เพื่อมันจะได้เกี่ยวข้องกับศาสนา เป็นทำนองที่เกี่ยวข้องกับทางศาสนา และของอีสาน

• ในส่วนของทำนองนี้ เราพอรู้ถึงบทสวดในลักษณะอย่างงี้บ้างมั้ยครับ

บทสวดนี้ เขาเรียกว่าบทสวดขอทรัพย์จากพญานาค คือ เป็นบทสวดทั่วไปที่สายบุญหรือคนที่ศรัทธาในพญานาคจะขอพรเป็นประจำ คือเป็นบทสวดที่เป็นลักษณะประจำ แต่จะเป็นในลักษณะที่เป็นธรรมดา แต่เราจะใช้น้ำเสียงในการอัด ให้เป็นมีทำนองขึ้นมา เป็นภาษาอีสาน เป็นทำนองของอีสาน ฟังแล้วทำให้เกิดมีความศรัทธาน่ะครับ ซึ่งในส่วนตัวผม ในทางอีสานจะเรียกว่าไม่ค่อยตายตัวนะ อาจจะเรียกว่าแหล่ก็ได้ หรือเรียกว่าทำนองสู่ขวัญก็ได้ ผมเอามาผสมกันทำให้ดูน่าสนใจมากกว่า

• โดยปกติคุณร้องและดนตรีลักษณะนี้อยู่แล้ว เลยทำให้โจทย์ที่ได้รับมาดูง่ายขึ้น

ปกติก็จะถนัดทำงานแบบนี้อยู่แล้วครับ ทั้งทำงานในลักษณะดนตรีพื้นบ้านด้วย ขับร้องพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็นหมอลำในทำนองต่างๆ ก็จะเคยทำ ทำผลงานให้น้องๆ ไปสอบ คือผมทำธุรกิจเกี่ยวกับการทำดนตรีกับน้องๆ ที่เรียนมาด้วยกันน่ะครับ (สาขาวิชาดนตรีและการแสดงพื้นเมือง คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น) หรืออย่างส่วนตัว ถ้ามีงาน บางทีก็ไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็รวมกลุ่มกันทำ แต่จะเป็นงาน THESIS ของน้องๆ นักศึกษา ที่จะมาจ้างให้ทำ ประมาณกึ่งๆ ห้องอัด เป็นสตูดิโอเล็กๆ คือผมเป็นผลผลิตจากวงสินไซ ก็คือแบบเป็นวงโปงลางใหญ่ๆ เป็นรุ่น 1

• บทสวดนี้ใช้เวลาในการทำนานมั้ยครับ

ถ้าอัดคร่าวๆ ก็ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง เพราะว่าไม่ยาวมาก ซึ่งปกติผมก็ทำงานมาบ่อยอยู่ ก็มีแค่บอกว่าเราเอาคีย์นี้นะ แล้วก็อัดเลย คือโดยส่วนตัวผมศรัทธาพ่อปู่ศรีสุทโธ ศรัทธาพญานาคอยู่แล้ว เพราะว่าเกิดปีมะโรง ช่วงแรกๆ ก็ไม่มีนะ แต่เราก็กราบไหว้ท่านอยู่เสมอ คือมีความรู้สึกขอบคุณท่านมากกว่าที่แบบว่า พอละครจบ มีคนเข้ามาติดตามเราทางเฟสบุ๊คเยอะ มีคนเข้ามาถาม บอกว่าติดตามมาจากละครนะ อยากขอบคุณท่านมากว่า ที่เราเป็นแค่คนธรรมดา แต่ว่าเราไปทำงาน ณ จุดๆ นี้ ผมอยากขอบคุณท่านเหล่านั้นมากกว่า ที่ทำให้มีวันนี้ คือราบรื่นปกติ

• พอหลังจากนั้น ปรากฏการณ์ก็มาเต็มไปหมดเลย ผลตอบรับเป็นยังไง

วันนั้นผมทำงานปกติ แต่พอละครจบ มีคนถามหาบทสวดนี้เต็มไปหมดเลย ใครเป็นสวด อยากฟังฉบับเต็ม พอละครจบไปได้ครึ่งชั่วโมง ก็มีคนมาถามเต็มไปหมดเลย ผมนี่ดีใจมากที่คนมาสนใจเรา คือไม่คาดคิดนะครับ เพราะว่า ตอนทำบทสวด ก็คงแค่ประกอบละครปกติ คือคนเขาชอบละครอยู่แล้ว ชื่นชอบทั้งตัวนักแสดงและการกำกับละครมากกว่า ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจตรงนี้ อีกอย่างน่าจะเป็นตัวงานด้วย ที่มีคนติดละคร แล้วก็มีคนมาพูดให้ฟังด้วยบอกว่า คือตอนละครจบ คนติดตามเยอะ ช่วงตอนจบ มันมีฉากเศร้า แล้วทิ้งท้ายตอนที่ทศพลบวช มันทำให้เขาขนลุก บางคนนี่ร้องไห้ในฉากนั้นเลย ผมนี่คือดีใจมากๆ เลย

• ความคาดหวังของคุณกับการทำงานลักษณะอย่างงี้ครับ

สำหรับตัวผมคิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ เพราะว่าผมไม่เคยทำงานอะไรแบบนี้มาก่อน ดีใจมาก แล้วก็อยากให้คนสนใจในท่วงทำนองอีสานเก่าๆ และส่วนตัวผม ส่วนมากที่คนมาถามผมมากๆว่า เมื่อไหร่จะมีละครภาค 2 แล้วพี่จะได้ทำงานกับเขาอีกมั้ย ผมก็เลยตอบว่า อันนี้ก็แล้วแต่บุญวาสนา แล้วก็เริ่มมีคนมาจ้างให้ทำว่า เอาเสียงพี่นะ เพราะว่ามาจากละครเรื่องนี้ คือมีผลต่อจากงานที่ทำอยู่แล้ว เหมือนกับว่าผลงานนี้เป็นใบเบิกทางให้กับผมอีกทางหนึ่งที่ทำให้คนรู้จักผมมากขึ้น แล้วสำหรับคนที่จะว่าจ้าง เขาก็จะมาหาเราโดยตรงมากขึ้น เพราะว่าหลังจากละครจบก็เริ่มมีงานเข้ามาแล้วครับ