โรงแรมขนาดใหญ่ขอนแก่นเตรียมปิดตัวเดือนหน้า ขณะที่ภาคเอกชนฮึดสู้ อัดโครงการ "ขอนแก่นคนละครึ่ง" หวังมีผู้มาใช้บริการเพิ่ม (มีคลิป)
ธุรกิจขอนแก่นทรุดหนัก โรงแรมหลายแห่งเตรียมปิดตัวเดือนหน้า ขณะที่ภาคเอกชนฮึดสู้ อัดโครงการขอนแก่นคนละครึ่ง รับนโยบายรัฐ ลดทั้งเมืองครึ่งราคาในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร วอนหน่วยงานรัฐเห็นใจคลายล็อคบางข้อโดยเฉพาะกับการจัดประชุมขนาดกลาง-เล็กและการประชุมวิชาการเพื่อให้เกิดสภาพคล่องในพื้นที่
วันที่ 2 ก.พ.2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจการใช้บริการของประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่โรงแรมหลายแห่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่นและเขตเทศบาลตำบลบ้านเป็ด ซึ่งพบว่ามีผู้มาใช้บริการที่บางตา ขณะที่ทางโรงแรมยังคงคุมเข้มด้วยมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะที่โรงแรมราชาวดี รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล ด้านหน้าท่าอากาศยานนานาชาติ จ.ขอนแก่น ที่เจ้าหน้าที่ประจำโรงแรมฯ ยังคงตรวจคัดกรองผู้ที่มาใช้บริการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ทั้งการตั้งจุดวัดอุณหภูมิผู้ที่เข้าในพื้นที่ การลงทะเบียนผ่านระบบแอพพลิเคชั่นไทยชนะ การให้บริการเจลแอลกอฮฮล์ล้างมือ ขณะที่แผนกต้อนรับมีการติดฉากกั้นระหว่างผู้ให้บริการกับผู้รับบริการและกำหนดจุดยืนในการเว้นระยะห่างอย่างเข้มงวด ทั้งยังคงมีการติดตั้งรายการโปรโมชั่นต่างๆ ทั้งในส่วนของรัฐบาลที่กำหนดมาตรการกระตุ้นออกมาเพื่อแจ้งสิทธิ์ให้กับผู้ที่มาใช้บริการได้รับทราบรวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่องค์กรภาคธุรกิจเอกชนในพื้นที่ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานร่วมกันตามโครงการขอนแก่นคนละครึ่ง
นายเข็มชาติ สมใจวงษ์ ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้า จ.ขอนแก่น และเจ้าของโรงแรมราชาวดีฯ กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบอย่างมากกับภาคธุรกิจในงานด้านบริการ โดยเฉพาะโรงแรมและร้านอาหาร ที่มีจำนวนยอดผู้มาใช้บริการที่น้อยมาก ประกอบกับนโยบายภาครัฐที่เข้มงวด รัดกุมทำให้บรรยากาศการจับจ่ายในด้านต่างๆนั้นลดน้อยลงและตรึงเครียดอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่จะต้องรัดเข็มขัดต้นเองมาตั้งแต่จากช่วงต้นปีที่ผ่านมาและมาจนถึงวันนี้ยังคงจะต้องรัดเข็มขัดให้มากขึ้น โดยเฉพาะกับการให้พนักงานทำงาน 15 วัน หยุด 15 วัน หรือการจ่ายเงินเดือน ร้อยละ 70 หรือการสลับหมุนเวียนพนักงานเพื่อให้ทุกคนมีรายได้ที่เพียงพอและไม่ต้องให้พนักงานออกจากงานในระยะนี้
แต่สิ่งที่พบคือต้นทุนของโรงแรมนั้นยังคงตายตัว โดยเฉพาะเฉพาะโรงแรมขนาดใหญ่ ทั้งโรงแรมท้องถิ่นและโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่มีต้นทุนในการบริหารจัดการแต่ละเดือนหลักล้านบาท แต่ก็มีสัดส่วนผู้ข้าพักและผู้ใช้บริการไม่ถึงวันละ 10% บางโรงแรมมีคนมาเข้าพักวันละ 3-5 ห้อง แต่ระบบการบริการจะต้องเปิดทั้งระบบ ทำให้ต้นทุนที่มีตายตัวเดือนละหลายล้านบาท แต่มีรายรับเพียงวันละไม่หมื่นบาท ซึ่งหากสถานการณ์เป็นไปเช่นนี้เชื่อได้ว่าในเดือน มี.ค.หลายโรงแรมต้องปิดกิจการอย่างแน่นอน โดยเฉพาะโรงแรมชื่อดังขนาดใหญ่
“มาตรการที่รัฐกระตุ้นออกมาทุกมาตรการยังคงไม่สร้างแรงกระเพิ่มหรือให้เกิดการใช้จ่ายในกลุ่มธุรกิจบริการ โรงแรมและร้านอาหารมากนัก แต่ก่อให้เกิดการใช้จ่ายในกลุ่มระดับฐานราก ดังนั้นวันนี้เราต้องพูดคุยกันในการฮึดสู้อีกรอบ ด้วยการเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐนั้นกำหนดท่าทีที่ชัดเจนและไม่เหมารวม เพราะขอนแก่นมีมาตรการควบคุมและป้องกันที่เข้มข้น มีหมอที่เก่ง มีบุคลากรทางการแพทย์ที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ ดังนั้นการสร้างความมั่นใจในด้านต่างๆจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและแม้ว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดจะเข้ามาในพื้นที่ไม่มาก การจัดประชุมสัมมนาต่างๆยังไม่ดำเนินการก็ขอให้เกิดการร่วมด้วยช่วยกันคนขอนแก่นเที่ยวขอนแก่น ด้วยความปลอดภัยและความมั่นใจจนนำไปสู่การหมุนเวียนในระบบงานด้านบริการในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น”
นายเข็มชาติ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ภาคเอกชน ร่วมกับภาครัฐ และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานโครงการขอนแก่นคนละครึ่ง โดยเริ่มจากวันที่ 15 ก.พ. ไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2564 โดยโรงแรมทุกแห่งลดราคาค่าห้องพักครึ่งราคา ร้านอาหารทุกแห่งลดค่าอาหารตามรายการที่กำหนดครึ่งราคา รวมไปถึงภาคบริการต่างๆ ขณะที่ร้านอาหารใด หรือโรงแรมใด ประเมินแล้วว่าไม่สามารถร่;มโครงการได้ก็จะให้ส่วนลดสูงสุดถึง 40% โดยลูกค้าที่เข้าใช้บริการสามารถสอบถามรายละเอียดหรือตรวจสอบป้ายโปรโมชั่นที่ติดตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านก่อนเข้าใบริการได้ทันที
“โครงการขอนแก่นคนละครึ่ง จะเน้นในกลุ่มคนขอนแก่นเที่ยวขอนแก่นและใช้จ่ายที่ขอนแก่นเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการใช้จ่ายในมาตรการของรัฐ ทั้งเราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง หรือเราชนะ ซึ่งทุกคนสามารถเลือกใช้สิทธิ์ได้ว่าจะเลือกใช้นโยบายอะไรในการใช้จ่ายในการใช้บริการในแต่ละประเภทเพื่อความคุ้มสูงสุด ซึ่งโดยส่วนตัวมั่นใจว่าขอนแก่นคนละครึ่ง จะส่งผลต่อการกระตุ้นภาพรวมทางเศรษฐกิจในกลุ่มธุรกิจบริการได้มากถึง 20% ซึ่งจะเป็นสายป่านที่ต่อลมหายใจให้กับผู้ประกอบการได้อย่างมาก เพราะโครงการดังกล่าวไม่ได้หวังกำไรแต่หวังที่จะต่อลมหายใจให้กับสถานประกอบการและบุคลากรทุกคนให้ได้ก้าวผ่านช่วงวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นนี้ไปได้ด้วยกัน อย่างไรก็ตามภาครัฐโดยเฉพาะทางจังหวัดควรที่จะพิจารณาผ่อนคลายในเรื่องของการประชุมขนาดกลางและขนาดเล็กรวมไปถึงการประชุมวิชาการ หรือการประชุมต่างๆที่ไม่ใช่การประชุมขนาดใหญ่ เนื่องจากงบประมาณของรัฐที่มีอยู่ควรถูกนำมาใช้ให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของจังหวัดในระยะเร่งด่วนนี้ด้วยเช่นกัน”
