ขอนแก่น ฟาร์มบ้านนอก แหล่งเรียนรู้วิถีพื้นบ้านขวัญใจเด็กๆ (มีคลิป)
ฟาร์มบ้านนอก แหล่งเรียนรู้การใช้ชีวิตวิถีพื้นบ้านตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งปลูกผัก ทำนา เลี้ยงสัตว์ สร้างบ้านดิน ทอเสื่อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ยิ่งเลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์ สร้างความตื่นเต้นและสนุกสนานให้กับเด็กๆในช่วงก่อนเปิดเทอมนี้
ที่ฟาร์มบ้านนอก ตั้งอยู่ริมถนนเลี่ยงเมือง สายขอนแก่น-นครราชสีมา พื้นที่บ้านโนนแต้ ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ สำหรับเยาวชนและผู้ที่สนใจวิถีชีวิตแบบพื้นบ้าน ทั้งการดำนา การปลูกผัก การเลี้ยงสัตว์สำหรับเป็นอาหาร การสร้างบ้านดิน การทำปุ๋ยไส้เดือน การทำอาหารจากผลผลิตที่ปลูกเอง เลี้ยงเอง และอื่นๆอีกมากมายตามวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนตามหลักปรัชญาเศรษกิจพอเพียง ที่นับวันยิ่งหาดูยากและเลือนลางหายไปจากชุมชนเมืองที่เด็กๆส่วนใหญ่ติดหน้าจอทีวี โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ ไม่รู้จักการใช้ชีวิตดั้งเดิมสมัยโบราณว่าการทำนาปลูกผักเลี้ยงสัตว์ทำกันอย่างไร ซึ่งบรรยากาศในวันนี้มีเด็กๆจำนวน 28 คน ที่เข้าร่วมกิจกรรมของทางศูนย์เยาวชนและครอบครัวเทศบาลนครขอนแก่น ที่เปิดรับสมัครเด็กๆในจังหวัดขอนแก่นได้เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ก่อนเปิดเทอมที่ฟาร์มบ้านนอกฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้เดินทางมาเรียนรู้ภายในศูนย์ฯ
นางนลินทิพย์ อ่องสมบัติ เจ้าของฟาร์มบ้านนอก
นางนลินทิพย์ อ่องสมบัติ อายุ 37 ปี เจ้าของฟาร์มบ้านนอก ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า กิจกรรมต่างๆภายในฟาร์มนั้นเรียกความสนุกและเสียงหัวเราะ สร้างรอยยิ้ม ความสุข ให้กับเด็กๆและผู้ปกครองที่เดินทางมาร่วมกับเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบพื้นบ้านตามศาสตร์พระราชา วิถีชีวิตแบบพอเพียง ทั้งการดำนาหว่าน นาโยน เพื่อให้ได้ข้าวมาสีไว้กินเอง การเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ทั้งเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด การทำอาหารจากสิ่งที่ปลูกเอง เลี้ยงเอง เช่นการทำอาหารด้วยเมนูไข่ การทำส้มตำ การหุงข้าว การทำอาหารจากผักปลอดสารพิษที่ปลูกเองโดยใช้ปุ๋ยจากไส้เดือนที่เลี้ยง การเรียนรู้วิธีการสร้างบ้านดินให้เป็นที่อยู่อาศัย และกิจกรรมอื่นๆอีกจำนวนมากซึ่งล้วนแต่เป็นการใช้ชีวิตแบบพื้นบ้านโดยที่ไม่มีเทคโนโลยีมาเกี่ยวข้องและปลอดสารพิษ และทำให้เด็กๆห่างไกลจากหน้าจอสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยทุกกิจกรรมในแต่ละฐานการเรียนรู้เด็กๆจะได้สัมผัสและลองทำเองด้วยมือ สร้างเสียงหัวเราะและความสุขให้เด็กๆเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการดำนาที่ต้องลงไปลุยโคลน และไฮไลท์ของฟาร์มบ้านนอกนี้ที่เด็กๆตั้งหน้าตั้งตารอคือการเล่นสไลเดอร์โคลน ที่ทั้งเปื้อนทั้งเลอะ ตามคอนเซ็ปต์ของฟาร์มบ้านนอก ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์ และยังเป็นการสืบสารวัฒนธรรมของไทยอีกด้วย ซึ่งแต่ละวันจะมีคอร์สเรียนรู้แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละกิจกรรมก็จะมีการสอนโดยคุณครูซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่มารับงานพาร์ทไทม์สอนเด็กๆ โดยคิดค่าเรียนเป็นคอร์สครึ่งวันราคา 300 บาท แต่ในช่วงโควิด-19นี้ลดเหลือ 250 บาท และคอร์สเต็มวันราคา 600 บาท ลดเหลือ 500 บาท และหากหน่วยงานราชการ โรงเรียนต่างๆจัดกรุ๊ปเด็กๆมาเรียนรู้ลดทันที 50 เปอร์เซ็น โดยจะเปิดให้บริการระหว่างวันอังคารถึงวันอาทิตย์ โดยจะปิดเพื่อปรับปรุงให้อยู่ในสภาพพร้อมเปิดทุกๆวันจันทร์ แต่หากวันจันทร์ไหนตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็จะเปิดให้เด็กและผู้ปกครองมาใช้บริการ ซึ่งใครต้องการพาเด็กๆมาเรียนรู้สามารถติดต่อสอบถามมาก่อนเพื่อมาร่วมกิจกรรมที่ฟาร์มบ้านนอกได้โดยตรงที่เบอร์โทรศัพท์ 0996179793 เพื่อให้ทางฟาร์มได้เตรียมคอร์สและครูผู้สอนได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัยตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ทางรัฐบาลกำหนดด้วย
ด้านนายวุฒินันท์ น้อยลำ อายุ 23 ปี พี่เลี้ยงที่ร่วมจัดกิจกรรมดังกล่าว บอกกับผู้สื่อข่าวว่า กิจกรรมนี้ทางศูนย์เยาวชนและครอบครัวเทศบาลนครขอนแก่นได้จัดขึ้นก่อนเปิดเทอม และเล็งเห็นว่าที่ฟาร์มแห่งนี้จะสามารถช่วยให้เด็กๆได้ทั้งความรู้และความสนุกสนาน ได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆที่ล้ำค่า และเป็นการให้เด็กๆได้เรียนรู้การใช้ชีวิตห่างไกลจากหน้าจอเทคโนโลยี ซึ่งจัดขึ้นฟรีและผลตอบรับจากผู้ปกครองและเด็กๆตอบรับดีเกินความคาดหวังมีเด็กๆจำนวน 28 คนเข้ามาร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้น โดยที่ฟาร์มบ้านนอกนี้เด็กๆจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตคนชาวบ้านแบบดังเดิม ได้รู้จักการทำนาได้ลองทำจริง และกิจกรรมอื่นๆที่เด็กทุกคนได้ทำด้วยตัวเอง ทำให้เด็กๆเหล่านี้มีประสบการณ์ที่มีค่าที่นับวันหาดูยากสำหรับเด็กๆในวัยนี้ ซึ่งที่ผ่านมาทางศูนย์ฯได้มีการจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละสถานที่แต่ละกิจกรรมก็จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งบรรยากาศในวันนี้เป็นประสบการณ์ที่สร้างความประทับใจให้กับเด็กๆเป็นอย่างมาก และถูกใจผู้ปกครองที่เด็กๆห่างไกลจากจอมือถืออีกด้วย
