เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ชาว อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมญาติผู้ใหญ่ฝ่ายภรรยา หอบเอกสารหลักฐานสำเนาใบแจ้งความลงบันทึกประจำวันและรูปถ่ายภรรยา เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ว่า ภรรยาตนคือ นางบี (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ได้หายตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่เวลา 09.00 น. วันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งปัจจุบันยังไม่กลับบ้านเป็นห่วงมากเพราะไม่ทราบชะตากรรมว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรและกลัวได้รับอันตรายต่อชีวิตและร่างกายได้ เบื้องต้นได้แจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ไว้เป็นหลักฐานแล้ว แต่คดียังไม่คืบหน้า ยังไร้วี่แววที่จะตามหาตัวภรรยาเจอ จึงตัดสินใจมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวให้ช่วยประกาศตามหาตัวภรรยาในที่สุด

 

นายเอ กล่าวต่อว่า ตนทำงานบริษัทขายแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ส่วนภรรยาก็เป็นพนักงานขายของบริษัทแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ก่อนออกจากบ้านเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ภรรยาตนบอกว่าจะออกไปต่างจังหวัดกับทีมขายเป็นเวลา 3 วัน โดยมีนายเบญไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายขับรถมารับที่บ้านพักพร้อมทีมงานขายอีกสองคน หลังจากนั้นผ่านไปครบ 3 วันที่ภรรยาต้องเดินทางกลับบ้าน แต่ปรากฎว่าไม่เห็นกลับมา กระทั่งเดินทางไปสอบถามที่บริษัทว่าภรรยาหายไปไหน ไม่เห็นกลับบ้านตามปกติ โดยทีมงานที่ไปด้วยกลับมาทำงานตามปกติที่บริษัท นายเบญผู้จัดการจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า ระหว่างทางภรรยาตนขอลงที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บ้านเป็ด โดยบอกว่าจะไปเที่ยวเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี จะมีผู้ชายมารับไปเที่ยวด้วยกัน

 

 

 

 

นายเอ กล่าวอีกว่า ตนตกใจมากเพราะพอจะรู้ระแคะระคายเกี่ยวกับพฤติกรรมของภรรยาว่าแอบมีกิ๊กเป็นคนแก่วัย 60 กว่าที่เกษียณราชการแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีพยานหลักฐานเรื่อง 2 คนแอบคบกัน ทั้งที่แต่ละคนมีครอบครัวอยู่แล้ว จึงไปปรับทุกข์กับน้าของภรรยา ซึ่งได้ให้กำลังใจ พร้อมพาไปแจ้งความคนหายไว้เป็นหลักฐาน แต่ยังไร้วี่แววที่จะตามหาตัวภรรยาเจอ

 

“สงสารลูกสาววัย 10 ขวบมาก บ่นคิดถึงแม่ทุกวัน ถามว่าแม่หายไปไหน ผมได้แต่ตอบว่าแม่ไปทำงาน ยังไม่กลับ อยากรู้ว่าปลอดภัยดีไหม ไม่ต้องห่วงเรื่องลูกเพราะดูแลอย่างดี อยากให้กลับบ้านมาคุยกัน ผมพร้อมให้อภัยทุกอย่างกับเรื่องที่เกิดขึ้น ขอให้กลับบ้านเร็วๆ" นายเอ กล่าว 

 

 

ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก เดลินิวส์ https://dailynews.co.th/regional/632385