ขอนแก่น - หนุ่มใหญ่ ท้อแท้ชีวิต ยิงจ่ออกตัวเองดับ เมียร่ำไห้หนัก
ชายใหญ่ วัย 52 ปี ท้อแท้กับชีวิต คิดสั้นใช้ปืนลูกซองยิงจ่อหน้าอกตัวเองดับคาที่ ภรรยาผู้ตายเผย ทั้งน้ำตา สามีตกต้นไม้เมื่อ 2 ปีก่อน ขาหักทำงานไม่ได้ มักบ่นน้อยใจกลัวสร้างความลำบากให้ครอบครัว ทั้งโรครุมเร้า คาดเป็นสาเหตุสามีคิดสั้น
เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 15 มี.ค.2561 ร.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาตย์นอก ร้อยเวร สถานีตำรวจภูธรหนองสองห้อง ได้รับแจ้งจากกำนันตำบลดงเค็ง ว่า มีเหตุชายใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิตในกระท่อมกลางทุ่งนา ท้ายหมู่บ้านหนองโบสถ์พัฒนา หมู่ 13 ต.ดงเค็ง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น หลังรับแจ้ง จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย พร้อมแพทย์เวร เข้าตรวจสอบ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เป็นกระท่อมกลางทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน มีชาวบ้านจำนวนมาก มายืนดูเหตุการณ์ และพบกับนางคำพอง กระฉอดนอก อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 13 บ้านหนองโบสถ์พัฒนา ต.ดงเค็ง อ.หนองสอง จ.ขอนแก่น ภรรยานายนายธนา กระฉอดนอก อายุ 52 ปี ผู้เสียชีวิต อยู่ในอาการเสียใจ ส่วนสภาพศพผู้ตายนั่งอยู่บนแคร่ไม้ ถูกยิงที่หน้าอกด้วยปืนลูกซองยาว กระเด็นออกจากมือผู้เสียชีวิตปลายกระบอกหันเข้าตัว แต่งกายสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น เลือดไหลนองอาบทั้งตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันปลอบใจภรรยาผู้ตาย พร้อมกันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาภายในบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อให้แพทย์เวนโรงพยาบาลหนองสองห้องทำการชันสูตรพลิกศพและเก็บรายละเอียดหลักฐาน
จากการสอบถามนางคำพอง ภรรยาผู้เสียชีวิต และน้องสาวของผู้ตาย บอกว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปี ผู้ตายเป็นคนขยันทำงาน หาเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่เกิดอุบัติเหตุตกจากต้นไม้ ทำให้ขาหักพิการต้องใส่เหล็กดามมาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผู้ตายเกิดความท้อแท้ในชีวิต มักบ่นน้อยใจว่า ทำงานไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน มีแต่ภรรยาทำคนเดียว กลัวเป็นภาระให้กับครอบครัว พร้อมทั้งบ่นในเรื่องสุขภาพ ทั้งโรคไต โรคไทรอยด์ ต้องคอยเทียวไปแต่โรงพยาบาล และครอบครัวก็ไม่ได้มีหนี้สินอะไร ซึ่งคาดว่า จะเป็นสาเหตุการคิดสั้นของผู้ตายครั้งนี้ ในส่วนตัวไม่ติดใจสาเหตุการตาย
และจากการตรวจสอบปืนลูกซองที่ใช้ก่อเหตุของผู้ตายนั้น พบว่าเป็นปืนที่ซื้อมาถูกต้อง มีทะเบียนถูกกฎหมาย ส่วนร่างผู้เสียชีวิตทางแพทย์จะได้นำไปทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุอย่างละเอียดตามขั้นตอนและจะได้ส่งมอบให้กับญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนา ต่อไป
ที่มา ไทยรัฐ
